วันที่ 13 ม.ค. บีบีซีรายงานว่า ปฏิบัติการทางทหารจากนานาประเทศเพื่อขับไล่กลุ่มกบฏอิสลามสายเคร่งที่ยึดครองตอนเหนือของประเทศมาลีเริ่มต้นขึ้นแล้ว ภายหลังสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อนุมัติคำสั่งไว้เมื่อปลายปีก่อน โดยมีรายงานตลอดหลายเดือนมานี้ว่ากลุ่มกบฏละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตัดแขนขาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมย หรือประหารคู่รักที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กันด้วยการ ทุ่มหินใส่ นอกจากนี้ยังทุบทำลายโบราณสถานในเมืองทิมบักตูที่อยู่ในบัญชีมรดกโลกด้วย
ประเทศแรกที่เริ่มปฏิบัติการคือฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคมของประเทศมาลี โดยส่งกองทัพอากาศโจมตีกองกำลังฝ่ายกบฏซึ่งรุกเข้าใกล้เมืองคอนนา ทำให้ฝ่ายกบฏล่าถอยและฝ่ายรัฐบาลของมาลียึดเมืองคืนได้สำเร็จ มีรายงานว่าฝ่ายกบฏเสียชีวิตราว 100 ราย รวมทั้งผู้บัญชาการคนสำคัญด้วย ส่วนทหารรัฐบาลเสียชีวิต 11 นาย ทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 1 นาย และพลเรือนเสียชีวิต 10 ราย โดยนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงว่า กบฏมาลีเป็นผู้ก่อการร้ายที่จะก่อความปั่นป่วนไปยังภูมิภาครอบข้าง จึงต้องใช้กำลังเข้าหยุดยั้ง ด้านอังกฤษประกาศส่งเครื่องบินลำเลียงพลไปช่วย ขณะที่ประเทศไนเจอร์ บูร์กินาฟาโซ เซเนกัล และไนจีเรียส่งทหารเช่นกัน ส่วนชาติสมาชิกกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก (อีโควาส) อื่นๆ จะทยอยส่งทหารรวม 3,300 นาย ไปยังอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้
โฆษกของกลุ่มกบฏอิสลามสายเคร่งในมาลีแถลงขู่ว่าจะสังหารชาวฝรั่งเศสในประเทศต่างๆ เพื่อตอบโต้บทบาทของฝรั่งเศสที่เป็นหัวหอกในปฏิบัติการครั้งนี้ โดยในปัจจุบันกลุ่มกบฏมาลีจับตัวชาวฝรั่งเศสไว้เป็นตัวประกัน 7 คน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ฝรั่งเศสประกาศเตือนพลเมืองของตนกว่า 6,000 คนที่อยู่ในกรุงบามาโกของประเทศมาลีรีบอพยพโดยเร็ว
วันเดียวกันยังมีรายงานว่าทหารฝรั่งเศสเข้าโจมตีกลุ่มโจรสลัดในโซมาเลียเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ชาวฝรั่งเศสที่ถูกจับตัวไปตั้งแต่ปี 2552 แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 2 นาย พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และคาดว่าตัวประกันถูกโจรสลัดสังหารระหว่างการสู้รบไปแล้ว