ขณะที่คดี 6 คนร้ายรุมข่มขืนและทำร้ายสาวนักศึกษาแพทย์วัย 23 บนรถโดยสารในกรุงนิวเดลี จนเสียชีวิต กลายเป็นประเด็นทำให้ ผู้หญิงชาวกรุง และผู้หญิงตามเมืองใหญ่ต่างๆ ในอินเดีย ลุกฮือขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม และความปลอดภัยในชีวิตของพวกเธอ แต่ผู้นำตามหมู่บ้านหลายแห่งในชนบท กลับมองเหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นในมุมที่แตกต่างไปมาก

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา สภาตำบลหมู่บ้านคีดาร์ ในรัฐหรยาณา ได้ลงมติ "ห้าม" เปิดเพลงที่มีเนื้อร้องหยาบคาย มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพในงานมงคลสมรส รวมทั้ง "ห้าม" ผู้หญิงทุกคนในหมู่บ้านนุ่งกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืด แล้วยัง "ห้าม" เด็กผู้หญิงพกโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียนด้วย!!!

"เมื่อวันอาทิตย์ เราเรียกประชุมหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะเราทุกคนต่างตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นในนิวเดลี ถ้าคดีรุมข่มขืนสามารถเกิดขึ้นในกรุงนิวเดลีได้ เรื่องแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในหมู่บ้านของเราได้เหมือนกัน ตามเมืองใหญ่ เด็กสาวแต่งตัวกันอย่างอิสระ อยากใส่อะไรก็ใส่ แต่หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ถ้าหากมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าตามแบบตะวันตก เด็กผู้หญิงทุกคนก็จะอยากทำตาม" แชมเชอร์ ซิงห์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี ทางโทรศัพท์

ทั้งนี้ จากรายงานของเอเอฟพีระบุว่า จากประชากรในอินเดียที่มีอยู่ราว 1.2 พันล้านคน มีประชากรที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทเล็กๆ ราว 800 ล้านคน และคดีรุมข่มขืนนักศึกษาสาวที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ก็ยิ่งกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยยิ่งเชื่อว่าต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ เป็นเพราะอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกที่แทรกซึมเข้าไปในอินเดีย ผ่านทางแฟชั่นเสื้อผ้าที่เปิดเผยให้เห็นเนื้อหนัง ดูยั่วยวน บทเพลงที่มีเนื้อหาล่อแหลม ยั่วยุทางเพศ และการกล้าแสดงออกของผู้หญิง อย่างกรณีนักศึกษาสาวที่ตกเป็นเหยื่อถูกรุมข่มขืน และถูกคนร้ายจับโยนลงจากรถโดยสารกระทั่งเสียชีวิต

จากข่าวที่ว่า เธอเพิ่งกลับจากดูภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในห้างสรรพสินค้ากับแฟนหนุ่ม ที่นั่งรถโดยสารกลับบ้านด้วยกันในค่ำวันเกิดเหตุ ก็เป็นข้อมูลที่ยิ่งย้ำให้กลุ่มคนที่คิดว่าเป็นเพราะอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก ยิ่งปักใจเชื่อเช่นนั้นมากขึ้นไปอีก

"ในเมื่อวัฒนธรรม ประเพณีของอินเดียถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมตะวันตก มันก็ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมเชื่อว่าเราควรปลูกฝังวัฒนธรรมแท้จริงของอินเดียในทุกสังคม ที่ผู้หญิงควรได้รับการปฏิบัติในฐานะแม่" โมฮัน ภัควัต หัวหน้ากลุ่มรสตรียะ สวายมเสวก สังฆะกล่าว

ขณะที่ มัธยา ประเทศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงของรัฐหรยาณา ก็ว่า ผู้หญิงที่ประพฤติตัวล้ำเส้นศีลธรรมอันดี สมควรได้รับการลงโทษ ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งในรัฐราชสถาน ก็เสนอให้ห้ามเด็กนักเรียนหญิง นุ่งกระโปรงไปโรงเรียน

ด้าน รีชา ธันวาร์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาวิจัยสตรี ในรัฐหรยาณา ให้ความเห็นว่า คดีรุมข่มขืนนักศึกษาสาวในกรุงนิวเดลี ได้ทำให้ทัศนคติของชาวบ้านในชนบทห่างไกลกำลังเดินถอยหลังไปอีก

"พวกผู้นำหมู่บ้านหันมาบังคับ เคี่ยวเข็ญเด็กสาว ห้ามไม่ให้พวกเธอออกไปข้างนอก ห้ามเด็กผู้หญิงออกไปไหนตามลำพัง ทั้งยังมีความคิดว่าเด็กผู้หญิงไม่ควรขี่จักรยาน ไม่ควรพกโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียน หรือไม่ควรพูดคุยกับเด็กผู้ชาย"

แต่ไม่ว่าคดีข่มขืนที่สะเทือนขวัญผู้คนทั่วโลกนี้จะส่งผลทำให้เกิดทัศนคติ หรือความเปลี่ยนแปลงในอินเดียในช่วงสั้นๆ นี้อย่างไรก็ตาม ในบทความของ

เอเอฟพีก็เชื่อว่า กระแสสังคม และความเปลี่ยนแปลงในเมืองใหญ่ ต้องทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในระยะยาวอย่างแน่นอน