ยอดนักปั้นตัวจิ๋ว "น้องก้อง-อภิวิชญ์" ประติมากรดินน้ำมัน

"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" (Imagination is more important than knowledge) วลีอมตะที่คุณปู่ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" ทิ้งคำคมให้โลกได้คิดตาม ว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาทักษะความรู้ อันนำไปสู่ความคิดและไอเดียใหม่ ๆ นั้นคือจินตนาการที่จะรังสรรค์ให้เกิดสิ่งที่แปลกและแตกต่าง

โลกแห่งจินตนาการในวัยเด็กถือเป็นจุดกำเนิดที่ก่อให้เกิดความคิดสร้าง สรรค์พัฒนาต่อยอดไปอย่างอิสระของหนูน้อยและเมื่อผนวกจินตนาการเข้ากับ พรสวรรค์เชื่อว่าเด็กคนหนึ่งจะสามารถสร้างสรรค์คิดค้นสิ่งใหม่ๆได้อย่างไม่ จำกัดเช่นเดียวกับ"น้องก้อง" ด.ช.อภิวิชญ์ วาสะศิริ วัย 6 ขวบ หนูน้อยชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบุญฤดี ศิลปินนักปั้นรุ่นเยาว์ที่สร้างสรรค์ผลงานปั้นดินน้ำมันประดิษฐ์ตัวการ์ตูน หุ่นยนต์ ตั้งแต่ฮีโร่จนถึงสัตว์ประหลาด ด้วยมือเล็ก ๆ โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยหรือแม่แบบออกมาจากใจจริงๆ

พิเศษกว่านั้นคือ ด.ช.ก้องสามารถขึ้นรูปร่างสิ่งที่ปั้นได้เสมือนจริงและจับเอกลักษณ์ ดึงรายละเอียดสำคัญรวมถึงจุดเด่นของสิ่งนั้น ๆ ออกมาได้จากสิ่งที่เห็นด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครสอน และใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ก็สามารถปั้นดินน้ำมันเป็นรูปร่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในท่วงท่าที่ไม่ธรรมดา อธิบายความได้ว่า สามารถปั้นสุนัขในท่าบิดตัวเชิดหัวเห่าหอน หรือปลาฉลามอ้าปากที่มีรายละเอียดของซี่ฟันและลิ้นในช่องปากที่อ้ากว้างได้ อย่างน่ารักน่าชัง

โดดเด่นยิ่งกว่านั้นคือ จินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของน้องก้องไม่ได้ตีกรอบอยู่แค่รูปแบบจากสิ่งที่ เห็นเท่านั้น ทำให้เราได้เห็นนกขี้วีนจากเกม "แองกรี้เบิร์ด" พองขนเป็นหนามแหลม พร้อมกับเหตุผลที่น่าฟัง เมื่อผลงานประดิษฐ์ของเด็กน้อยถูกตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เหมือนนกขี้โมโหตัวแดงกลม

"ไม่ เห็นเป็นไร นี่เป็นร่างใหม่" คำตอบของเด็กวัย 6 ขวบ ที่ผู้ถามเองต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า ถามอะไรไม่เข้าท่าจริง ๆ เมื่อดินน้ำมันก้อนนั้นจะเป็นตัวอื่นไปไม่ได้นอกจาก "แองกรี้เบิร์ด"

ครั้นถามถึงวิธีการปั้นกว่าจะออกมาแต่ละตัวต้องใช้อะไรบ้าง น้องก้องตอบสั้น ๆ ว่า "ใช้มือแค่นั้นครับ และจินตนาการ" แม้อาจจะยังไม่เข้าใจคำว่าจินตนาการชัดเจนนัก แต่ศิลปินวัย 6 ขวบ ก็สามารถอธิบายได้ว่า ปั้นจากตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ จากเรื่องอุลตร้าแมน, ไอ้มดแดง, โปเกม่อน และเหล่านักสู้รวมถึงสัตว์ประหลาดจากการ์ตูนญี่ปุ่น ชนิดที่ว่าดูครั้งเดียวก็จำได้ ก่อนจะโชว์ฝีมือปั้นดินน้ำมันตามแบบ ที่ได้ท้าให้น้องก้องปั้น "จิ้งจก" จากภาพในมือถือ
ชั่วเวลาอึดใจเดียว มือน้อย ๆ ก็ปั้นจิ้งจก เปลี่ยนสีออกมาได้ 1 ตัว โดยไม่ได้คำนึงถึงสีต้นแบบ เพราะหนูน้อยเชื่อว่าแต่ละตัวที่ปั้นเปลี่ยนสีได้ ทำให้เราได้เห็น "จิ้งจกสีม่วง" ที่มีรายละเอียดของขาอันน่าสะพรึง

แม้ผลงานของหนูน้อยคนนี้จะเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์เล็ก ๆ ทว่ามีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่มากในความรู้สึกของผู้ปกครอง "พ.ต.ท.อภิศักดิ์ วาสะศิริ รอง ผกก.กต.9 จต. และศิริพร วาสะศิริ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์โลกวันนี้" บิดาและมารดาของ ด.ช.อภิวิชญ์บอกว่า สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่ผลงานปั้นดินน้ำมันให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ที่ได้มากกว่านั้นคือสมาธิของหนูน้อยจอมซนซึ่งไม่ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่สยบยอมให้กับงานศิลปะ สามารถนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับงานปั้นและงานวาดภาพระบายสีได้เป็นเวลานาน

"ตอนแรกคิดว่าลูกทำไมไฮเปอร์ ("แอ็กทีฟ" น้องก้องเสริม) พบว่าดินน้ำมันทำให้ลูกนิ่งขึ้น ได้ฝึกการใช้มือ ใช้สมอง ที่จะเป็นตัวเชื่อมให้เขาเกิดไอเดีย สามารถนำความจำมาต่อยอดความคิดได้ดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อการใช้ชีวิตของลูกในสังคม ที่ทำให้น้องก้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี แม้กับคนแปลกหน้าก็กล้าเข้าไปซักถามพูดคุยด้วย"

นัก ข่าวสาวแม่ศิลปินตัวน้อยเล่าว่า ค้นพบพรสวรรค์ลูกชายตั้งแต่อายุ 4 ขวบ หลังจากเขาชอบวาดภาพ ขออนุญาตครูระบายสีลงในการบ้านที่มีรูปประกอบ ชอบหยิบสมุดจดข่าวของแม่ไปขีด ๆ เขียน ๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสจับแป้งโดปั้นเล่น ก่อนจะค้นพบดินน้ำมันที่มีให้เลือกหลากสีสัน กลายเป็นของเล่นที่ลูกชายสามารถนำมาปรุงแต่งผสมสีเอง และปั้นเป็นรูปร่างตามจินตนาการจากการ์ตูนที่เขาชื่นชอบได้แบบไม่เบื่อ

"ตอนเรียนอนุบาลน้องก้องได้รับรางวัลวาดภาพดีเด่น2 ปี และทุกวันหลังเลิกเรียนจะต้องขอแวะเข้าเซเว่นฯเพื่อ ขอซื้อดินน้ำมันติดมือกลับบ้าน
เกือบทุกวัน ตอนนี้เขากำลังสนใจตัวต่อเลโก้ ที่ประกอบเป็นรถยนต์ได้แล้ว ปิดเทอมนี้จะพาลูกไปเรียนศิลปะเพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาชอบสามารถต่อยอดทำ อะไรได้บ้าง"

เมื่อหันไปถามน้องก้องว่าโตขึ้นอยากทำอะไร คำตอบเสียงดังฟังชัดคือ "โตขึ้นอยากเป็นนักประดิษฐ์...(ทิ้งช่วง) ดินน้ำมัน...ขึ้นมาใหม่ครับ"