การปฏิวัติทรงผมนักเรียนเกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นจริงเป็นจัง
หลังจาก "พงศ์เทพ เทพกาญจนา" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สั่งให้ ศธ.ทำหนังสือเวียนแจ้งโรงเรียนในสังกัด เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 พ.ศ.2518
ยกเลิกการบังคับนักเรียนชายให้ไว้ผมเกรียน และนักเรียนหญิงสามารถเลือกไว้ผมสั้นหรือยาว
การบังคับตัดผมเกรียนเป็นไปตามกฎกระทรวงอยู่ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2515
ส่วนกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 พ.ศ.2518 ให้นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เกินตีนผม นักเรียนหญิงให้ตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้น ให้รวบผมให้เรียบร้อย
คำสั่งดังกล่าว สร้างความคึกคักในหมู่เยาวชนนักเรียน ที่เตรียมตัวเข้าไปใช้สิทธิตามร้านตัดผมกันอย่างกระตือรือร้น
ลองมาฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้อง "สังคม แสนใจ" ช่างตัดผม ร้านเอ๋ บาร์เบอร์ ถนนประชานิเวศน์ 1 กล่าวว่า มีลูกค้าเป็นเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6
ความถี่ในการตัดผมเดือนละ 1 ครั้ง ทรงผมสั้นเกรียนหรือรองทรงสั้นราคาจะไม่ต่างกันมากนัก ผมสั้นเกรียนราคา 50 บาท รองทรงสั้นราคา 70 บาท
"ส่วนความยากง่าย ผมสั้นเกรียนตัดง่ายกว่าทรงผมรองทรงสั้น ส่วนกฎระเบียบที่จะออกมาใหม่หรือเก่านั้น จะไม่ส่งผล
กระทบกับอาชีพช่างตัดผมแน่นอน เพราะไม่ว่าจะตัดทรงไหนรายได้ก็เท่ากัน และที่สำคัญกว่าจะมาเป็นช่างตัดผมนั้น จะต้องเริ่มต้นด้วยทรงนักเรียน เพราะถือว่าผมทรงนักเรียนเป็นครูสำหรับการตัดผมก็ว่าได้" นายสังคมบอก
ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองนั้น "สิทธิชัย พามณี" อายุ 45 ปี อาชีพขายน้ำธัญพืช ซึ่งมีลูกชายอายุ 16 ปี อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ กล่าวว่า ขอให้ออกกฎกระทรวงแบบเป็นกลางๆ คือ ไม่ให้ผมยาวเกินไป และสั้นจนเกินไป
ปัจจุบันมีทรงผมที่เป็นรองทรงผมสูงและรองทรงผมสั้น แต่อย่างทรงผมเกรียนทางกฎกระทรวงมีการบังคับมานานแล้วว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นให้ตัดผมเกรียน แต่เมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จะมีการอนุญาตให้ตัดรองทรงได้ แต่ควรจะให้เด็กตัดรองทรงสั้นไม่ใช่รองทรงยาว
"ผมว่าทรงผมเกรียนรักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเป็นผมรองทรงหากไม่สระเพียงแค่วันเดียวก็จะมีกลิ่น ผมคิดว่าการที่เด็กมีการต่อต้านเป็นเพราะต้องการที่จะมีทรงผมที่ดูดีและหล่อ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่มีการตรวจทรงผม ทางครูอาจารย์จะมีการกล้อนผมเด็กนักเรียน ทำให้เด็กต้องไปตัดผมเกรียน เพราะถ้าไม่ตัดทรงนี้ก็ไม่ได้ เพราะถูกกล้อนผมจนติดหนังหัว อยากจะให้ครูอาจารย์มีการตักเตือนทั้งเด็กแจ้งให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ดังนั้น อยากจะให้เด็กตัดรองทรงได้ แต่อย่าให้ยาวจนเกินไป หรือสั้นจนเกินไป ผมก็สงสารเด็ก เด็กก็คงอยากจะหล่อบ้าง ผมคิดว่าทรงเกรียนก็ได้หรือรองทรงก็ได้พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เดือดร้อน เพราะราคาตัดก็เท่ากัน"
ขณะที่ "ณัฐวัฒน์ วิบูลย์พานิช" อายุ 37 ปี อาสาสมัครสมาคมวิทยุประชาชนชาลี มีลูกชาย 2 คน อยู่ระดับประถมศึกษา ระบุว่า ผมเกรียนรักษาความสะอาดได้ดีกว่า แต่ถ้าเด็กที่โตแล้ว ถ้าเขาอยากจะไว้ผมยาวก็คงแล้วแต่เขา ส่วนความถี่ในการตัดผมนั้น จะพาลูกชายไปตัดผมเดือนละ 2 ครั้ง ราคาก็เท่ากันไม่ว่าจะตัดทรงผมไหนก็ตาม และจะตามใจลูกถ้ามีการปลดล็อกกฎกระทรวง เพราะจะไม่มีการผิดระเบียบอีกต่อไป
"ธนนัน เนาว์นิเวศ" พนักงานรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า มีลูกสาวฝาแฝด 2 คน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่องทรงผมไม่น่าจะเป็นเรื่องซีเรียสอะไร เพราะลูกสาวสองคนชอบทรงผมสั้นเสมอติ่งหู เพราะดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย ผมยาวไม่ดีตรงที่ต้องเสียค่ายาสระผมเพิ่ม และเห็นว่าทรงผมสั้นดีอยู่แล้ว เพราะอยู่ในกฎระเบียบดี แต่เมื่อขึ้นในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ลูกๆ ต้องตัดสินใจเองว่าจะต้องมัดผมได้แล้ว หรือว่าจะชอบแบบไหน
ในส่วนของร้านทำผมนั้น "นฤมล มั่นคง" เจ้าของร้านเสริมสวยใบข้าว ซึ่งร้านตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนดรุณพัฒน์ กล่าวว่า ถ้าเด็กนักเรียนผู้หญิงตัดทรงผมในระดับติ่งหูนั้น จะดูสวยดีสำหรับเด็ก ในส่วนของเด็กผู้ชายถ้ามีการตัดผมทรงเกรียนจะดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า เพราะเด็กผู้ชายอาบน้ำมักจะไม่ชอบสระผม ถ้าตัดผมเกรียนจะสระผมและแห้งง่าย และหนังศีรษะจะแห้งด้วย
"ผมรองทรงจะตัดยากกว่าทรงผมเกรียน ซึ่งในการเรียนการสอนวิชาของช่างตัดผมนั้น ทรงผมเกรียนจะเป็นทรงแรกที่ต้องเรียนรู้ เพราะเป็นทรงที่ตัดง่ายที่สุดและเป็นทรงผมเบื้องต้น ส่วนใหญ่ถ้าเด็กอยากจะเปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสีผมจะทำในช่วงปิดเทอม แต่เมื่อพอเปิดเทอมจะกลับมาตัดผมและทำสีผมให้ถูกระเบียบเหมือนเดิม เพราะเด็กเขามีความรู้สึกว่าเบื่อ อยากเปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสีผมบ้าง อยากได้อะไรที่แปลกใหม่ และขอแนะนำว่า เด็กผู้หญิงควรจะตัดในระดับต้นคอจะดีกว่า เพราะเป็นในระดับที่พอดีๆ ดูแล้วเหมาะสม คือ ไม่สั้นจนเกินไป และไม่ยาวจนเกินไป"
รูปโฉมและทรงผมของนักเรียนไทย หลังใช้คำสั่งฉบับดังกล่าวจะเป็นอย่างไร น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง