คอมพิวเตอร์ที่เรียงรายไปตามที่นั่งซึ่งลดเอียงลงสู่เบื้องล่างดูคล้ายกับโรงภาพยนตร์ผสมกับตลาดหุ้น ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น ณ ห้องโถงขนาดใหญ่ด้านล่าง หลังจากตัวอย่างสินค้าถูกนำออกมาให้ผู้ประมูลได้ชมพร้อมคุณสมบัติ สีสัน ซึ่งมีการระบุที่มาที่ไปของแหล่งผลิตอย่างชัดเจน ที่นี่ “อัลสเมียร์ ฟลาวเวอร์ ออคชั่น” (Aalsmeer Flower Auction) ตลาดซื้อขายดอกไม้และพืชพรรณที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป พนักงานจัดเรียงสินค้าจะรับออเดอร์ก่อนจะขับรถลากเข้าซอยนี้ออกซอยนู้น หลังจากมีคำสั่งซื้อขายเกิดขึ้นจากห้องประมูลที่อยู่ด้านบน ดอกไม้และพืชพรรณทั้งหมดจะถูกจัดวางไว้ตามหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยทุกห่อและทุกกระถางจะมีบาร์โค้ดที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของดอกไม้หรือพืชชนิดนั้น ๆ ทั้งแหล่งผลิต ผู้ปลูก สายพันธุ์ติดเพื่อบ่งบอกสถานะ

เมื่อโบรกเกอร์เริ่มประมูลและคำสั่งซื้อขายถูกส่งออกมาแล้ว พนักงานขับรถลากนับร้อยคนที่ขับฉวัดเฉวียนสวนกันไปมาดูวุ่นวายแต่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยสักครั้ง ก็จะเริ่มค้นหาสินค้าก่อนจะนำมารวมไว้บนชั้นวางอันเดียวกันสำหรับผู้ซื้อแต่ละราย

ว่ากันว่า อัลสเมียร์ ฟลาวเวอร์ ออคชั่น แห่งนี้คือตลาดประมูลดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแบบที่ปากคลองตลาดบ้านเราแทบจะเทียบไม่ได้ บริหารจัดการโดยฟลอร่าฮอลแลนด์ ซึ่งมีตลาดประมูลสินค้าอยู่ที่อัลส์เมียร์, นาลดวิจค์, ริจน์สเบิร์ก, เวนโล, บรีสวิจค์ และเอลด์ แต่ที่ใหญ่ที่สุดก็คือที่อัลสเมียร์แห่งนี้ โดยดอกไม้จากทั่วโลก ทั้งจากยุโรป เอควาดอร์ โคลัมเบีย เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ จะถูกส่งมาที่นี่ ทั้งดอกทิวลิป กุหลาบ เดซี่ ลิลลี และอื่นๆกว่า 10 ชนิด จะถูกลำเลียงมาบนระบบสายพานขนส่งที่ทันสมัย ภายในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ ที่เหมาะสมเพื่อรักษาความสดของดอกไม้    ทุก ๆ วันดอกไม้กว่า 20 ล้านดอกจะถูกซื้อขายภายในตลาดแห่งนี้ โดยร้อยละ 90 เป็นดอกไม้ที่ปลูกในเนเธอร์แลนด์เอง โดยมีสมาชิกที่เข้าร่วมประมูลกว่า 5,000 คน มีผู้ผลิตกว่า 9,000 ราย ลูกค้าอีก 3,500 ราย และพนักงานอีก 4,500 คน

แน่นอนว่าดอกไม้ประจำชาติอย่างทิวลิปจะเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ถูกนำมาประมูลขาย แต่ดูเหมือนว่ากุหลาบ ดอกไม้สำหรับโอกาสพิเศษยอดฮิตของตลาดทั่วไปนั้น ก็มีจำนวนมากไม่น้อยหน้ากัน ที่สำคัญดอกกุหลาบเหล่านั้นไม่ได้มีเพียงกุหลาบสีแดงเข้มจัดดอกใหญ่ หรือสีชมพูแบบที่เห็นกันทั่วไป แต่ยังมีกุหลาบสีส้ม กุหลาบสีขาวขลิบแดง ชมพูอมส้ม และอีกหลายสี ซึ่งมีทั้งแบบดอกใหญ่บึ้ม ดอกปานกลางขนาดกำลังดี และขนาดเล็ก

ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการพัฒนาสายพันธุ์ และการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สีสันแปลกตาไปกว่าของเดิม ๆ ที่มีอยู่ โดยกุหลาบรวมไปถึงดอกไม้ที่ผ่านการผสมพันธุ์ใหม่ล่าสุดเหล่านั้น เจ้าของจะนำส่งมายังห้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ตลาดแห่งนี้ เพื่อรับใบยืนยันคุณภาพซึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการประมูลต่อไป โดยนอกจากความสวยงามแล้วเรื่องของความคงทนของดอกไม้เหล่านั้นถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน และห้องตรวจสอบคุณภาพที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันแปลกตาเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์ชมตลาดประมูลดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

ทันทีที่เดินขึ้นไปยังสะพานลอยที่อยู่ใจกลางของโกดัง ซึ่งเป็นทั้งทางเดินของเจ้าหน้าที่และทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ความวุ่นวายของบรรดารถลากและพันธุ์ไม้นานาชนิดที่อยู่บนชั้นก็จะปรากฏสู่สายตา แม้จะดูวุ่นวายแต่ทว่าดอกไม้และพืชพรรณทุกชนิดที่ถูกขนจากที่นี่ไปที่นั่นจะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยมทุกขั้นตอน จนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่การขนส่งไปยังผู้ซื้อ

สะพานลอยที่ทอดยาวนั้นจะไปสิ้นสุดที่ห้องประมูลที่อยู่ท้ายสุด ซึ่งส่วนนี้จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไป ห้องตรวจสอบคุณภาพที่อยู่ติดกันจึงกลายเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้มาเยือนตื่นตาตื่นใจมากกว่า เพราะจะได้สัมผัสกับดอกไม้หลากสายพันธุ์ได้อย่างใกล้ชิด โดยนอกจากทิวลิปและกุหลาบแล้ว ลิลลี่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งแข่งกับกุหลาบอยู่นั้นก็มีหลากสีสันกว่าที่เคยเห็นด้วยเช่นกัน

ความตื่นตาตื่นใจของตลาดประมูลดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนกรุงอัมสเตอร์ดัมจะต้องแวะเวียนไป แต่อาจจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพราะตลาดแห่งนี้ค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ทว่าค่อนข้างสะดวกสบายเพราะมีรถประจำทางจากใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมที่วิ่งตรงมาถึงรวดเดียวแบบไม่ต้องต่อ โดยจะเริ่มต้นการประมูลตั้งแต่ 07.00-11.00 น. ยกเว้นวันพฤหัสบดีที่จะเปิดถึงแค่ 09.00 น.เท่านั้น และจะปิดไม่ให้เยี่ยมชมในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ด้วยการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมจัดการภาคการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ครองความเป็นอันดับหนึ่งในการทำเกษตรอุตสาหกรรม ในขณะที่ปัจจุบัน การนำเอาเทคโนโลยีด้านการเพาะปลูกมาใช้ในแถบอาเซียนยังมีไม่มากนัก จึงก่อให้เกิดปัญหาเรื่องปริมาณ และ คุณภาพของผลผลิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดในระดับสากลเท่าที่ควร ส่งผลให้มูลค่าที่ได้จากการผลิตต่ำและบางครั้งอาจไม่คุ้มค่า

เหตุนี้จึงได้มีการจัดงาน Horti ASIA 2013 งานแสดงเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพืชพรรณ ผัก ผลไม้ ดอกไม้ และกล้วยไม้แห่งภูมิภาคเอเชียขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนเวทีการค้าสำหรับตลาดพืชสวนที่จะสามารถช่วยยกระดับ และผลักดันการผลิตพืชสวนของทั้งประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย ให้มีมาตรฐานการผลิตที่ดีขึ้น เป็นที่รู้จักและสามารถแข่งขันกับตลาดสากลได้ ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2556 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค.