เมื่อ 4 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ท สายัญ แบ่งสันเทียะ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง อ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันที่บริเวณทางแยกหัวทะเล หรือชื่อเดิม สามแยกจักราช ถนนราชสีมา-โชคชัย เขตเทศบาลตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่บนเส้นทางหลัก ด้านขาเข้าตัวเมือง นครราชสีมา บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวทะเล พบภาพที่ระทึกใจ น่าหวาดเสียว ใครพบเห็นต้องรีบหยิบกล้องดิจิตอลมาบันทึกภาพเก็บไว้ โดยมีรถเก๋ง สีดำ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียตต้า เลขทะเบียน สม 7182 กรุงเทพ ฯ ห้อยติดคาสายสลิงที่ไว้ยึดโยงเสาไฟฟ้า ขนาดความสูง 22 เมตร บริเวณเบาะนั่งคนขับ พบร่างชายไทยถูกอัดก็อปปี้ติดตาอยู่ที่ซากรถ สภาพด้านหน้าพังยับเยินห้อยหัวลงข้างล่าง ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ต.ท มานิตย์ กัลยาศรี อายุ 27 ปี รองสารวัตร กองกำกับการบริการคนต่างด้าว กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ที่อยู่ บ้านเลขที่ 90/1112 หมู่ 7 ต.สามพราน อ.สามพราน นครปฐม เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บที่มีลมหายใจรวยริน เป็นไปอย่างทุลักทุเล เกรงซากรถที่เกาะอยู่สายสลิงสองเส้น จะไหลลงมาข้างล่าง และ ไฟฟ้าแรงสูงขนาด 115 เควี (115,000 โวลต์) อาจลัดวงจร แต่สุดท้ายก็นำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาได้
ในขณะที่ พ.ต.ท. สายัญ พนักงานสอบสวน กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีนายนิ่ม จะชนรัมย์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 203 หมู่ 17 ต.หนองเต็ง อ.กระสัง บุรีรัมย์ ได้แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่รถเทเลอร์ เลขทะเบียน 70-0850 สุรินทร์ รถคันคู่กรณี ซึ่งจอดอยู่ห่างออกไปจากบริเวณจุดเกิดเหตุ ประมาณ 50 เมตร สภาพท้ายรถด้านซ้ายมีร่องรอยถูกชน และยางหลังแตก ล่าสุดอาการ ร.ต.ท.มานิตย์ แพทย์โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ระบุ ผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด โดยสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กะโหลกศีรษะด้านขวาแตก
จากการสอบสวนนายนิ่ม ผู้ขับขี่รถคันคู่กรณี ให้การว่า ขับรถเทเลอร์ ซึ่งบรรทุกรำสกัด น้ำหนักรวม 29 ตัน จากโรงงานในเขตจังหวัดสุรินทร์ เพื่อไปส่งที่จังหวัดสระบุรี ขณะที่รถได้แล่นผ่านทางแยกมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง นครราชสีมา นายนิ่ม อ้างเป็นสัญญาณไฟจราจรสีเขียว รถเก๋งได้แล่นผ่าสัญญาณไฟจราจร มาด้วยความเร็วสูง คนขับพยายามแซงซ้ายแต่ไม่พ้นรัศมีของตัวเทเลอร์บรรทุก รถจึงได้พุ่งชนท้าย ก่อนจะเสียหลักปีนขึ้นไปติดคาอยู่ที่สายสลิง ส่วนตน ได้พยายามประคับประคองรถ ที่มีอาการผิดปกติแล่นไม่ตรงทาง จากยางหลังเส้นสุดท้ายแตก
ด้าน พ.ต.ท.สายัญ พนักงานสอบสวนเวร เจ้าของคดี เปิดเผยว่า รับทราบข้อมูล ร.ต.ท.มานิตย์ ได้ออกเวรปฏิบัติหน้าที่ จึงเดินทางกลับจากสถานที่ทำงาน มุ่งหน้ากลับบ้านพัก ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ขณะรถแล่นผ่านทางแยก ได้เกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุฝ่ายไหนถูกผิด ส่วนคำให้การของนายนิ่ม ซึ่งอ้างว่ารถคันคู่กรณี แล่นผ่าไฟแดง ต้องรอสอบปากคำพยานแวดล้อมอีกครั้ง สำหรับกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทางแยกหัวทะเล ประจักษ์พยานสำคัญ ได้เกิดเสียมานานร่วมปี โดยไม่มีการซ่อมบำรุง มิเช่นนั้นจะสามารถนำมาตรวจสอบได้ชัดเจน นำมาเป็นบทสรุปทางสำนวนคดีได้