เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สะกิด แต่ไม่ต้องหันมา
แม้ว่าเทศกาลปีใหม่สำหรับคนไทยจะพ้นผ่านไปด้วยรอยยิ้มและความสุข แต่หากมองไปยังประเทศที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเราอย่าง อินเดีย แล้ว จะพบว่าปีใหม่ของพวกเขา อาจไม่ได้ผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้ม หรือความสุขสักเท่าไร โดยเฉพาะในหมู่หญิงอินเดีย ที่ตอนนี้พวกเธอยังคงตกอยู่ในความหวาดวิตกในการใช้ชีวิต ถึงขนาดขออนุญาตพกปืนไว้ป้องกันตัว หลังจากแก๊งข่มขืนระบาดหนัก จนนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของหญิงสาวถึง 2 คน ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
เริ่มจากคดีแรก นับว่าโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว เมื่อนักศึกษาหญิงวัย 23 ปีรายหนึ่ง ถูกชาย 6 คนรุมโทรมบนรถเมล์ในกรุงนิวเดลีของอินเดีย ก่อนจะโยนทิ้งออกจากรถเมล์ที่กำลังแล่นอยู่ จนเธอบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่นักศึกษาหญิงรายนี้โดยสารรถเมล์ไปกับเพื่อนชายคนหนึ่ง หลังจากกลับจากชมภาพยนตร์ แต่แล้วใครเลยจะคาดคิดว่า เธอจะมาถูกแก๊งคนร้ายที่สมรู้ร่วมคิดกับพนักงานบนรถเมล์ใช้ท่อนเหล็กทุบตีและข่มขืนเธอ และทุบตีแฟนหนุ่มของเธอด้วย จากนั้น แก๊งโหดแก๊งนี้ก็โยนร่างของเธอและแฟนหนุ่มลงมาจากรถเมล์อย่างไร้ความปรานีขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ ทำให้นักศึกษาหญิงรายนี้บาดเจ็บปางตาย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
หลังจากนั้น เธอก็ทนทุกข์ทรมาน และอาการบาดเจ็บก็อยู่ในขั้นโคม่า โดยต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 3 ครั้งเพื่อยื้อชีวิต ก่อนที่จะถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี ไปยังประเทศสิงคโปร์ ซึ่งที่นั่นแพทย์เฉพาะทางกว่า 8 คน ได้พยายามรักษาเพื่อพยุงอาการป่วยของเธอไว้ แต่ก็ดูเหมือนความหวังจะริบหรี่ เธอมีอาการทรุดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะสมองและร่างกายได้รับการกระทบกระเทือนและเสียหายอย่างหนัก ในที่สุด เธอก็เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่คดีข่มขืนของเธอในครั้งนี้ ได้กระตุ้นให้ชาวอินเดียมากมายโดยเฉพาะผู้หญิงออกมาเรียกร้องให้สังคมหยุดความรุนแรงต่อผู้หญิงเสียที ขณะเดียวกัน เรื่องราวสุดสลดของเธอ ได้ถูกนำไปร้อยเรียง ส่งต่อไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยมีใจความดังนี้
เธอเป็นนักศึกษา, เธออายุ 23 ปี
ความผิดของเธอ บ้างกล่าวว่าเพราะเธอนั้นเลือกขึ้นรถโดยสารผิดคัน
และใช่แล้ว เพราะเธอนั้นเป็นผู้หญิง
ชายหกคนรุมข่มขืนเธอทีละคน และจากนั้นจึงใช้แท่งเหล็กทำร้ายที่บริเวณอวัยวะเพศของเธอ
ทำให้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ทะลุออกมา
พวกมันได้ทอดทิ้งเธอให้ตายอยู่กลางถนน
ด้วยร่างที่เปล่าเปลือย
บาดเจ็บสาหัส
อย่างเปิดเผย
อย่างแหลกสลาย
ที่ร้ายยิ่งกว่า คือไม่มีผู้ใดในหมู่พวกมันหันกลับมาแยแสเธอ
ไม่มีผู้ใดที่จะหาผ้ามาคลุมหญิงสาวผู้โชคร้ายผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสผู้นั้น
เธอไม่อาจจะมีชีวิตสมรสอย่างผู้คนปกติได้ต่อไปอย่างแน่นอน
เธอป่วยขั้นโคม่าถึง ห้าครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา
เธอไม่ได้สติอีกเลย
อาการป่วยจากบาดแผลของเธอเข้าขั้นวิกฤติ
และเธอนั้นมิอาจหยุดร้องไห้ได้เลย
แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก
เธอไม่ใช่พี่สาวหรือน้องสาวของคุณ เธอไม่ใช่ลูกสาวของคุณ
แต่ทว่า "นั่นก็อาจเกิดขึ้นได้" ความทารุณโหดร้ายที่มีต้องสิ้นสุดลงซะทีได้แล้วพวกคุณ!!
ผู้ที่กระทำผิดเหล่านี้สมควรที่จะต้องถูกลงโทษประหารสำหรับความเลวร้ายหื่นกระหายของพวกมัน
และเธอก็ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา
ขอให้เธอจงพักผ่อนอย่างสงบเถิด และฉันขอภาวนาให้ผู้ที่เป็นฆาตรกรนั้นได้รับโทษที่สาหัสที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เหตุการณ์นี้มิได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในประเทศอินเดียหรอกนะ แต่มันเกิดขึ้นอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก
นี่หรือวิธีที่เราปฏิบัติกับเหล่าสตรี?
มันทำให้ฉันรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้
ถ้าหากว่าการตายของเธอนั้นจะทำให้คุณรู้สึก และทำให้คุณรู้สึกต่อต้านการการข่มขืน
ได้โปรดจงเผยแพร่บทความนี้ออกไปได้เลย ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะมีคนกดไลค์หรือจะแชร์ต่อไปมากเท่าไร
แต่ที่รู้ ๆ มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ว่านี่มันเป็นโลกอะไรกันหรือที่เรากำลังอาศัยอยู่ในทุกวันนี้..
ส่วนอีกคดีหนึ่ง นับว่าสลดใจไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อเด็กสาวอินเดียวัย 17 ปีรายหนึ่ง ได้ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย หลังจากถูกข่มขืนเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเมื่อเธอแจ้งตำรวจ ทางตำรวจก็ไม่มีการดำเนินการใด ๆ กับแก๊งข่มขืนที่ลงมือข่มขืนเธอ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็พยายามเดินหน้าต่อสู้เพื่อร้องขอความเป็นธรรม อ้อนวอนกับตำรวจให้ช่วยจับกุมแก๊งข่มขืนแก๊งนี้ แต่แล้วตำรวจก็บอกให้เธอแต่งงานกับหนึ่งในสมาชิกแก๊งข่มขืนซะอย่างนั้น และเมื่อรู้ว่าเธอไม่อาจต่อสู้เพื่อความยุติธรรมได้แล้ว เธอก็ตัดสินใจกลืนยาพิษฆ่าตัวตายที่บ้านของเธอเอง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 เหตุการณ์ข้างต้น ทำให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อสิทธิสตรี และความรุนแรงต่อสตรีในสังคมอินเดียได้อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อกฎหมายอ่อนแสนอ่อน จึงทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย ก่ออาชญากรรมต่อสตรีขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นจึงทำให้หญิงอินเดียหลายคน ต้องออกมาเรียกร้องเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่หลายรายก็แห่ไปขอใบอนุญาตพกปืนเพื่อป้องกันตัวกรณีเกิดเหตุร้ายต่อตนเอง เพราะในเมื่อตำรวจ หรือผู้บริหารบ้านเมืองไม่อาจจัดการกับปัญหานี้ให้ลดลงได้ สิ่งที่พวกเธอทำได้ก็คือการป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่อินเดียเท่านั้น ที่มีเหตุข่มขืนระบาดทั่ว แต่ประเทศไทยก็เกิดเหตุสุดสลดนี้อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ไม่ว่าจะลงเอยที่การฆาตกรรมหรือไม่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงต่อสตรีด้วยกันทั้งสิ้น ถึงเวลาครั้งยังที่เราควรให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียเฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสาวอินเดีย เหยื่อกามารมณ์ทั้งสองรายนี้