เมื่อ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ นายอเล็กซี่ บูดานอฟ รองกงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย แถลงข่าวการจับกุม 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ นายวิเชียร หรือ บังฟี ใจจา อายุ 35 ปี นายธงชัย หรือ โก๋ จันทร์ดี อายุ 20 ปี และ นายอนุวัตร์ หรือ เค วัดอ่อน อายุ 32 ปี ซึ่งร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนและมีดดักจี้ 2 นักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย บริเวณพัทยาใต้ แล้วพาไปบังคับข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และปล้นทรัพย์ บริเวณอ่างเก็บน้ำชากนอก พื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา
โดยสามารถยึดของกลางรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงินเข้ม หมายเลขทะเบียน บธ 7200 ชลบุรี ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ รวมทั้ง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ลูกซองสั้น เครื่องกระสุนปืน อาวุธมีด กุญแจต่างๆ กว่า 50 ดอก และเสื้อผ้าของคนร้ายในวันก่อเหตุ
ส่วนหลักฐานสำคัญที่ทำให้ ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายได้ คือ คราบอสุจิ และเส้นขนเพชรของผู้ต้องหา ที่ติดอยู่กับเสื้อผู้เสียหาย รวมทั้งก้นบุหรี่ ที่ตกอยู่ในรถ ซึ่งนำมาตรวจหาและเปรียบเทียบดีเอ็นเอได้ และเมื่อตำรวจพบรถกระบะที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ ก็พบคราบเลือด และเส้นผม เมื่อตรวจดีเอ็นเอก็ตรงกับผู้เสียหาย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ ยังพบว่า นายวิเชียร เคยต้องคดีพยายามฆ่าชิงทรัพย์ และคดีอาวุธปืน ที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งหลังก่อคดีนี้ ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วน นายธงชัย และ นายอนุวัตร์ ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ในคดีเสพยาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงติดตามอายัดตัว
โดย นายวิเชียร รับสารภาพว่า ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และได้รับการชักชวนจากนายธงชัย ให้ไปหาเงิน โดยไม่คิดว่า จะเป็นการไปก่อเหตุข่มขืน แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็เลยตามเลย พร้อมยอมรับว่า อาวุธปืนเป็นของตนเอง แต่นายธงชัยเป็นผู้ใช้ และอยากขอโทษผู้เสียหายทั้งสองด้วย ขณะที่ นายธงชัย ก็ได้กล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป และทำให้ประเทศชาติเสียหาย พร้อมแสดงความสำนึกผิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเรา หน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายร่างกาย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง กับผู้ต้องหาทั้งหมด ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายบูดานอฟ ในฐานะตัวแทนผู้เสียหาย ได้กล่าวขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ติดตามจับกุมคนร้ายได้ในเวลาอันสั้น และหวังว่า จะดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดีต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เบาะแสสำคัญของคดีนี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้ทราบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย จนทราบว่า เป็นคนท้องถิ่นในพื้นที่พัทยา ต่อมาสามารถตรวจยึดหลักฐานสำคัญ ทั้งรถ และอาวุธที่ใช้ก่อเหตุได้ ทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ยอมจำนนต่อหลักฐาน รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าวนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเทศเมืองพัทยาได้มอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณผบ.ตร.และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผบ.ตร.ได้มอบเงินรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
สำหรับสถิติคดีอาญา เกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2555 เกิดคดีเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย 80 ราย คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 172 ราย จากนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย