ย้อนดู 20 บุคคลดัง...จากข่าวเด่น แห่งปี 2555

 



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร ,Itthimon Punyarataban, PSY , แก่ ใจดี สปอร์ต กทม ,เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่ ,Oak Panthongtae Shinawatra, คุณ fern montira สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม , รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย hottvnews สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม , whoweeklymagazine.com , รายการเรื่องเล่าเช้านี้ , Twitter @NoeyZupermarket,

            ตลอดช่วงปี 2555 มีบุคคลที่เด่นดังจากข่าวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง วงการกีฬา หรือวงการบันเทิง ข่าวต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งหลายข่าวก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกกล่าวขานในวงกว้าง บางข่าวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ยาวนานต่อเนื่องหลายเดือน ... ทั้งนี้ กระปุกดอทคอมจึงขอรวบรวม "บุคคล...ดังจากข่าวเด่น" มาย้อนประมวลให้ได้ชมกันอีกครั้ง

            ไปดูกันซิว่า... บุคคลเด่น บุคคลดังในปีนี้จะมีใครกันบ้าง แล้วเขาดังจากข่าวอะไร ไปย้อนดูกันเลยค่ะ.. 
 


 


สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวกล้าชน
 
              ดังตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว... ยาวมาจนถึงปลายปีนี้เลยทีเดียว สำหรับ "สมจิตต์ นวเครือสุนทร" นักข่าวสาวสังกัดช่อง 7 สี ที่รัวคำถามเป็นชุด ๆ ใส่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ร่ายยาวไม่เว้นช่วงตลอด 6 นาที แบบไม่ลดราวาศอก แถมคำถามแต่ละข้อนั้นก็เป็นประเด็นเด็ด ประเด็นร้อน โดยเฉพาะเรื่อง "พ.ร.ฏ. อภัยโทษ" เรียกได้ว่า หากเจอนักข่าวสมจิตต์เมื่อไหร่ นักการเมืองบางท่านก็เลี่ยงไม่ตอบเลยก็มี 
             
              ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะถูกอีเมลปริศนาข่มขู่ แต่เธอก็ไม่เกรงกลัวอำนาจมืดใด ๆ พร้อมที่จะทำหน้าที่สื่อต่อไป โดยยึดหลักวิชาชีพเป็นหลัก... พร้อมมีประโยคเด็ดว่า ต้องการเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบทุกอย่าง!!

              และล่าสุดเธอก็ปะ ฉะ ดะ กับ ร.ต.อ.เฉลิม คู่กรณีเก่าอีกครั้ง ในกรณีเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหาเธอว่า ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์ กลางวงสัมภาษณ์ แถมยังหัวเราะเย้ยออกมา ทำให้นักข่าวสาวสวนกลับไปทันทีว่า เธอจะฟ้องหมิ่นประมาท ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ก็ตอบกลับว่า หากพูดแค่นี้มันผิด ก็ให้แจ้งข้อหาเลย และแน่นอนนักข่าวสาวก็ตอกกลับ ร.ต.อ.เฉลิม แบบทันควันชนิดที่ทำให้เพื่อน ๆ นักข่าว สัมภาษณ์ข้าง ต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว... กับคำว่า " ...ถ้าการที่ท่านกล่าวหาหนูว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้าทักษิณ จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่..." 

              จากคำพูดของนักข่าวสาวดังกล่าว ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง บางคนก็แสดงความคิดเห็นในแง่บวก บางคนก็โพสต์ด่าเธอเช่นกัน แต่!! ยังไม่จบเท่านี้ เพราะหลังจากกรณีดังกล่าว ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม แบนเธอ ลั่นออกสื่อว่า จะไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ ของนักข่าวสาวอีกแล้ว 

              ด้าน สมจิตต์ ก็ถามถึงเหตุผลในการแบนเธอว่า คำถามของเธอมันไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนหรือ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงไม่ตอบ และหาก ร.ต.อ. เฉลิม ใจนักเลงพอก็น่าจะเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างได้ทำหน้าที่ งานนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ถึงกับไปไม่เป็น และหน้าเจื่อนไปเลยทีเดียว ก่อนที่จะทิ้งท้ายไว้ว่า "ผมไม่ใช่นักเลง ผมเป็นคนขี้กลัว" 

             โอ้ววววว... เธอช่างทำหน้าที่เป็นนักข่าวที่กล้าถามแบบไม่กลัวนักการเมืองจริง ๆ  

 



คุณลุงใจป้ำ! กับวลีเด็ด แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.

            กลายเป็นวลีเด็ดที่ดังสุด ๆ ฉุดไม่อยู่เพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น กับคำว่า "แก่ ใจดี สปอร์ต กทม." ที่พริตตี้สุดสวยนามว่า "มันตรา" ได้แคปเจอร์หน้าการสนทนาในเฟซบุ๊กกับคุณลุงคนหนึ่ง โดยมีบทสนทนาในแง่ชู้สาว แต่งานนี้หญิงสาวเขาไม่เล่นด้วย อีกทั้งยังนำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีข้อความดังนี้... 

          คุณลุง : แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.
          มันตรา : แล้วไง
          คุณลุง : มีไรให้ช่วยก้อบอกได้
          คุณลุง : ส่วนมากเป็นค่า คอนโด ผ่อนรถ
          คุณลุง : เงียบ สงสัยไม่ช็อต

          งานนี้ข้อความของคุณลุงก็กระจายในสังคมออนไลน์ แถมวลีเด็ดอย่าง "แก่ ใจดี สปอร์ต กทม." และ "เงียบ สงสัยไม่ช็อต" ก็กลายเป็นคำฮิต คำฮอต นำไปพูด ไปล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียวเชียวละ 

          ช็อตไม่ช็อตไม่รู้ รู้แต่ว่าหลังจากที่เป็นข่าว คุณลุงถึงกับเงียบหาย ลาโลกออนไลน์ไปเลย

 


 

          
 เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!! ความในใจจาก ด.ช.โต๊ด

          เรื่องราวอัดอั้นตันใจเล็ก ๆ ของ ด.ช.โต๊ด ชั้น ม.1/9 ณ โรงเรียนโรงเรียนกระทุ่มแบน (วิเศษสมุทคุณ) จ.สมุทรสาคร ที่ถูกเพื่อน ๆ แบนออกจากกรุ๊ปเฟซบุ๊ก "พวกเราชาว 1/9" ด.ช.โต๊ด จึงขอใช้วิชาที่ร่ำเรียนมา อัดคลิปวิดีโอระบายความในใจซะเลย 

         โดยในคลิประบุว่า... "ไอ้บอล คิดได้เนอะ ให้เพื่อนไล่กูออกจากชาว 1/9 เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ บอกไว้เลยว่า ถ้าไม่เอากูเป็นพวกเราชาว 1/9 ... เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!!"

         และเมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป วลีน่ารัก ๆ อย่าง "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ก็กลายเป็นคำฮิตติดปากเอามาพูดกันเกรียวกราวเลยทีเดียว... ขอบอกว่า ด.ช.โต๊ด ไม่ได้อัดคลิปแค่คลิปเดียวนะ แต่มีอีกหลายคลิปเลยล่ะ ทางด้าน รมว.ไอที, กระทรวงศึกษาธิการ ก็ตื่นตระหนก และกลัวว่า การกระทำของ ด.ช.โต๊ด จะเป็นการชี้โพรงภัยเทคโนโลยี แต่ในมุมมองของคนบางกลุ่มก็มองว่า เป็นการระบายของเด็กในยุคนี้เท่านั้นเอง ขณะที่คุณครูอังคณา ก็ออกมาชี้แจงว่า เรื่องนี้ ด.ช.โต๊ด และ ด.ช.บอล คุยกันรู้เรื่อง และปรับความเข้าใจเรียบร้อยแล้วจ้า... 

 



 น้องก้อง เสียใจไม่แคร์ ลิปซิงค์ขั้นเทพ ที่เป๊ะสุด ๆ

       ปีนี้นับว่าเป็นปีของกระแสโซเชียลก็ว่าได้ เพราะเพียงแค่คุณอัดคลิปวิดีโอและเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ยูทูบ คุณอาจจะดังไม่รู้ตัว!! เหมือนกับน้องก้อง... หนุ่มแว่นร่างอวบ ที่ขอร้องโชว์ลิปซิงค์เพลงดังของสาวหวาย กามิกาเซ่ ในบทเพลง "เสียใจแต่ไม่แคร์" พร้อมอัดวิดีโอเก็บไว้... งานนี้ น้องก้องคงจะอัดคลิปเก็บไว้ดูคนเดียวนั่นแหละ แต่กลับกลายเป็นว่า... ชาวเน็ตมือดีดันนำมาโพสต์ต่อในเฟซบุ๊ก จนกลายเป็นกระแส "น้องก้อง เสียใจไม่แคร์" แถมยังมีคลิปเลียนแบบอย่างมากมาย 

       หลายคนคงจะสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมแค่คลิปลิปซิงค์ถึงฮอตฮิตอะไรขนาดนี้ แหม...ก็คลิปนี้ไม่ใช่แค่ลิปซิงค์ ร้องเพลงให้ตรงปากธรรมดาน่ะซิ เพราะน้องก้องเธอแทบจะสวมวิญญาณของน้องหวายเลยทีเดียว ทั้งท่าทาง องศาของหน้า ความกว้างของปาก น้องก้องก็อปมาเป๊ะ!! ไม่มีหลุดเลยสักช็อตเลยล่ะค่ะ 

       และล่าสุดน้องก้องก็ปล่อยคลิปเด็ด มาให้ทุกคนได้ฮาส่งท้ายปีกับคลิป...น้องก้องหัวโปก การันตีความฮานะคะ ลีลาเธอสุดยอดจริง ๆ 
 



 โอ๊ค พานทองแท้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ประจำเฟซบุ๊ก

        เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กได้มีประสิทธิภาพในการพีอาร์สูงสุดเลยทีเดียว สำหรับ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มักจะโพสต์เฟซบุ๊กแชร์เรื่องราวการเมืองให้แฟนเพจได้ติดตาม กดไลค์ กดแชร์กันตลอด ถึงแม้ว่า โอ๊ค พานทองแท้ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหมือนใคร ๆ เขา แต่ไม่ว่าเขาโพสต์อะไร ก็มันจะเป็นประเด็นฮอตฮิต หรือบางครั้งก็เป็นข่าวหน้าหนึ่งเลยล่ะ

        และแน่นอนเรื่องราวที่ โอ๊ค มักจะโพสต์นั้น 90 % จะเป็นเรื่องราวของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นการขนหลักฐานมาแฉฝ่ายตรงข้าม ชี้แจงเหตุผลแทนรัฐบาล ส่วนอีก 10 % เป็นการโพสต์รูปครอบครัว โดยเฉพาะรูปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แฟนคลับเฝ้ารอ เฝ้าคอย ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา 

        งานนี้ จึงขอยกให้โอ๊ค เป็นโฆษกของรัฐบาล ประจำหน้าเพจเฟซบุ๊กไปเลยจ้า... ส่วนบรรดานักข่าวก็ยิ้มกริ่มเพราะได้ข่าวจากต้นตอของจริงแท้ ๆ จริงไหม 

 


 


 เจ้าสัวบุญชัย ทุ่ม (ใจ) ไม่อั้น กับความรักครั้งใหม่

        ชื่อของ "เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล" เป็นชื่อที่หลายคนรู้จักมักคุ้นกันอยู่แล้ว ในนามของนักธุรกิจหมื่นล้าน ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของดีแทค และเป็นเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับ 13 ของประเทศ แต่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ชื่อของ "เจ้าสัวบุญชัย" ก็กลายเป็นที่รู้จักอีกครั้ง ในฐานะ "คู่หมั้น" ของสาวตั๊ก บงกช คงมาลัย ดาราสาวทรงโตนั่นเอง

        โดยข่าวประกาศหมั้นแบบสายฟ้าแลบระหว่าง สาวตั๊ก และเจ้าสัว ในครั้งนี้ ทำเอาฮือฮาไปทั้งบางเลยทีเดียวละคะ หลายคนนั้นก็สงสัยว่า ความรักของทั้งคู่ก่อตัวได้อย่างไร แล้วเพราะอะไรเจ้าสัวถึงฝ่าด่านหินทลายหัวใจของคุณแม่ตั๊ก ที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวเป็นที่สุด แต่เราก็ได้คำตอบจากคุณแม่ของตั๊กว่า ทั้งคู่เจอกันตอนไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง และเกิดถูกอกถูกใจซึ่งกันและกัน จากนั้นก็ไปมาหาสู่ จนกระทั่งเจ้าสัวเดินทางมาขอตั๊กจากคุณแม่ โดยให้เหตุผลว่า อยากให้เกียรติตั๊ก และเป็นการประกาศว่า เจ้าสัวคบตั๊กอย่างเปิดเผย ไม่อยากให้ใครเอาไปตีความแบบผิด ๆ 

         ส่วนพิธีหมั้นของทั้งคู่ ก็จัดแบบเรียบแต่หรูสุด ๆ  ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA  ซึ่งงานดังกล่าว ถึงแม้สาวตั๊กจะออกมาประกาศว่า เป็นงานง่าย ๆ ก็ตาม แต่เจ้าสัวก็ทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อให้คู่หมั้นสวยดุจนางในวรรณคดี ไม่ว่าจะเป็นทรงผม ชุดหมั้น เครื่องทอง ที่มูลค่าทะลุหลายล้านเลยละคะ 

         สำหรับงานแต่งนั้น เจ้าสัวเผยว่า ขอคบกับตั๊กในฐานะคู่หมั้นไปก่อน หากสาวตั๊กพร้อมเมื่อไหร่ก็อยากจะแต่งเลยทันที เอ้า! ยังไงกระปุกดอทคอมก็ขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งใหม่ของเจ้าสัวด้วยละกันนะคะ ^ ^

 


 ไซ กังนัม สไตล์ โอปป้าแดนกิมจิ ที่ดังที่สุดในเวลานี้

         นักร้องในปีนี้คงไม่มีใครเด่น ใครดัง เกินพ่อหนุ่มกิมจิ ร่างอวบ เจ้าของท่าควบม้า อย่าง ไซ กังนัม สไตล์ อีกแล้ว... เพราะเพียงแค่ต้นสังกัดเผยแพร่มิวสิควิดีโอเพียงแค่วันเดียว ยอดวิวก็ถล่มทลายและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด หนุ่มไซ มียอดวิวกว่า 1,000 ล้านวิวเลยล่ะค่ะ 

        ส่วนท่าเต้นควบม้า และม้าโยกสุดฮิตของเขา ก็กลายเป็นท่าฮิตของคนทั่วโลกไปแล้ว เพราะไม่ว่าใครต่างก็เต้นท่านี้กันได้ แถมยังทำคลิปวิดีโอเพลงกังนัม สไตล์ กันออกมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโคฟเวอร์ให้เหมือนเป๊ะ หรือว่าจะเป็นการเต้นเป็นกลุ่มเอาฮา ทั้งในออฟฟิศ ในเรือนจำ ในโรงเรียน  ไม่เว้นแต่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้บางคนอย่างครีเอทท่าเต้น และเนื้อร้องในแบบฉบับของแต่ละคน ให้ฮากระจายยิ่งกว่าเดิม ซึ่งในประเทศไทย ก็มีเพลงอย่าง กำนันสไตล์ ของคัทโต๊ะ ลิปตา หรือว่าจะแกนนำ สไตล์ ของ บี้ เดอะสกา เป็นต้น 

        กลับมาที่กระแสความดังของ ไซ กังนัม สไตล์ ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นดาราดังระดับโลก ดาราฮอลลีวูด หรือนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ ต่างก็รู้จักไซ กังนัม สไตล์ แถม ไซ ยังได้รับเกียรติให้เป็นแขกรับเชิญบนเวทีดัง ๆ มานักต่อนักแล้วด้วย 

        เรียกได้ว่า ไซ กังนัม ดังสุด ๆ ฉุดไม่อยู่จริง ๆ นะคะ โอปป้า!

 


 ลุงเอี่ยม วัดไร่ขิง ขอทานเงินล้าน!!

        ถือได้ว่าเป็นบุคคลแห่งปีที่ฮอตไม่แพ้ใคร ๆ เลยล่ะค่ะ สำหรับลุงเอี่ยม ชายพิการ อายุไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งเขาได้บริจาคเงินให้กับวัดไร่ขิงจำนวน 1 ล้านบาท แต่ที่ฮือฮาและกลายเป็นประเด็นร้อนนั้น เป็นเพราะว่าลุงเอี่ยมไม่ใช่เศรษฐี ไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่ใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ แต่ลุงเอี่ยมเป็นเพียงขอทานที่นั่งหน้าวัดไร่ขิงเท่านั้น งานนี้บรรดาชาวบ้านก็พากันแปลกใจว่า เอ... ทำไมขอทานถึงมีเงินเก็บมากมายมหาศาลอย่างนี้ แล้วหากเก็บเงินได้เยอะขนาดนี้ ทำไมลุงเอี่ยมเอามาบริจาค ไม่เก็บเอาไปใช้สอยให้สะดวกสบายล่ะ 

        โดยลุงเอี่ยมเคยให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะข่าวเด่นว่า ลุงเอี่ยมทำบุญมาทั้งหมด 37 ปี ทำครั้งแรกจำนวน 300 บาท ต่อมาก็ทำเพิ่มเป็น 600 และทบเพิ่มเป็น 1 พันบาท เรื่อย ๆ มาตลอดทุกปี ซึ่งลุงเอี่ยมหวังว่าในปีหน้า เขาจะสามารถเก็บเงินได้ถึง 2 ล้าน และจะนำเงินมามอบให้กับวัดอีกครั้ง ส่วนสาเหตุที่ลุงเอี่ยมนำเงินทั้งหมดในชีวิตของลุงมาทำบุญนั้น เพราะลุงเอี่ยมอยากให้ผลบุญที่ลุงทำส่งผลให้ชาติหน้าเกิดมาแบบสมบูรณ์แบบ 

        นอกจากนี้ ลุงเอี่ยมยังขอเถียงอีกว่า ลุงไม่ได้เป็นขอทาน ลุงไม่เคยเอาขัน หรือภาชนะมานั่งขอเงินจากชาวบ้าน แต่ที่เขาให้เพราะความเมตตา อีกอย่างลุงเอี่ยมก็ให้หวยแม่น พอชาวบ้านถูกหวยก็เอาเงินมาแบ่งลุงตลอด ส่วนเงินที่ลุงเอี่ยมได้ก็จะนำเอามาให้เจ้าอาวาสเก็บไว้ พอครบปี ถึงงานเทศกาลประจำปีของวัด ลุงเอี่ยมก็จะเอาเงินมาทำบุญดอกบัวเป็นประจำ แต่ในปีนี้ที่เป็นข่าว เพราะว่าจำนวนเงินที่ลุงเอี่ยมเอามาทำบุญนั้น มูลค่ามหาศาลถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว... 

         ...ขอให้ผลบุญ ผลกุศล ที่ลุงเอี่ยมทำ ส่งผลให้คุณลุงมีแต่ความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง และอารมณ์ดีอย่างนี้ตลอดไปนะคะ 
 


 เสธ.อ้าย แกนนำ เฉพาะกิจ 

         ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับชื่อของ เสธ.อ้าย หรือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่ออกมาต่อกรกับรัฐบาล กับแนวคิด"แช่แข็งประเทศ" โดยระบุว่า ถึงเวลาที่ต้องขับไล่รัฐบาล เพราะบริหารงานได้ล้มเหลว และมีแต่นักการเมืองที่ไม่ดี 

        โดย เสธ.อ้าย ได้รวบรวมสมาชิกจากหลากหลายองค์กร เพื่อมาร่วมชุมนุม ซึ่งตอนแรกนักการเมืองพรรคใหญ่ ๆ ก็คิดว่า คงจะมีสมาชิกไม่ถึง 2 พันคน แต่ เสธ.อ้าย ก็สร้างความตื่นตะลึงไม่น้อย เมื่อสามารถรวบรวมสมาชิกที่เห็นด้วยกับเขาได้ถึง 2 หมื่นคนเลยทีเดียว 

         หลังจากนั้น เสธ.อ้าย ก็เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับแนวคิดขององค์กรพิทักษ์สยาม จึงจัดชุมนุมครั้งใหญ่ขึ้น ในวันที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อหวังปฏิวัติรัฐบาล และยืนยันอย่างชัดเจนว่า ไม่เคยกลัวรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจไม่ชอบธรรม และมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการประกาศกร้าวของ เสธ.อ้ายในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงกลัวการเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่า เสธ.อ้าย ออกมารับรองว่า การชุมนุมในครั้งนี้ จะไม่มีการใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน 

        และก็เป็นอย่างที่ เสธ.อ้าย บอกเอาไว้จริง ๆ เพราะการชุมนุมของ อพส. นั้นไม่ยืดเยื้อ หรือพูดได้ว่าแทบจะยังไม่ทันได้ชุมนุมเลยก็ว่าได้ เพราะประชาชนถูกสกัดกั้น จากเจ้าหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัย อีกทั้ง ในช่วงเช้าของวันชุมนุมเกิดเหตุยิงแก๊สน้ำตาใส่กัน ตั้งแต่ยังไม่ถึงฤกษ์ ทำให้ เสธ.อ้าย ประกาศยุติการชุมนุม โดยอ้างว่า ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ จากการชุมนุมดังกล่าว จนทำให้หลายฝ่ายถึงกับงงว่า เสธ.อ้าย ชุมนุมเพื่ออะไรกันแน่!
 



 หนุ่มเนย ลดความอ้วน จากน้ำหนัก 140 กิโลกรัม เหลือเพียง 66 กิโลกรัม 

 



รูปน้องลูกนก ก่อนลดน้ำหนัก - หลังลดน้ำหนัก

 


 เนย & ลูกนก ไอดอลแห่งการลดความอ้วน

        ต้องขอยกนิ้วให้จริง ๆ สำหรับ หนุ่มเนย และ สาวลูกนก ที่ทั้งคู่ต่อสู้ปีศาจความหิว จนสามารถเอาชนะเจ้าตัวร้ายอย่าง "ไขมันและน้ำหนัก" ได้อย่างราบคาบเลยล่ะค่ะ ซึ่งการลดน้ำหนักหลายคนคงคิดว่า หากมีวินัย กินน้อย ออกกำลังกายหนัก ก็คงจะลดได้ ไม่เห็นเป็นเรื่องยากอะไรเลย... แต่สำหรับหนุ่มเนย และสาวลูกนก พวกเขาไม่ใช่แค่ลดน้ำหนักเพียง 2-3 กิโลกรัมเท่านั้นนะคะ เพราะพวกเขาสามารถรีดไขมัน และลดน้ำหนักออกจากร่างอ้วน ๆ ของเขาที่หนักเกินร้อยโล จนกลายเป็นคนหุ่นดีไปโดยปริยาย

        เริ่มต้นด้วยอดีตคนเคยอ้วน อย่าง "เนย อิทธิมนต์" ที่เขาไม่แคร์เสียงทักท้วงถึงรูปร่างและน้ำหนักมาโดยตลอด และเลือกที่จะปลอบใจตัวเองด้วยคำว่า "โลกนี้มีคนผอมเยอะแล้ว" เลยกินแบบตามใจปาก ใครจะบอกว่าอ้วนยังไงเขาก็ไม่สน แต่จุดที่เปลี่ยนความคิดของเนยให้ลดความอ้วนอย่างจริงจังนั้น เป็นเพราะว่า... เขาเกือบตายเพราะทานอาหารญี่ปุ่นมากเกินไป เขากินเยอะจนหายใจไม่ออก ติดขัด และอึดอัดมาก ทำให้เขาคิดว่าถ้าเขาทานเยอะ ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เขาอาจจะไม่รอดเหมือนครั้งนี้ 

        เนยเลยตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ในการลดน้ำหนัก เริ่มด้วยการว่ายน้ำวันละ 1 ชั่วโมง และปรับพฤติกรรมการกินอาหาร เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ลดแป้ง เพิ่มผักให้เยอะขึ้นในแต่ละมื้อ จนในที่สุดน้ำหนักเขาก็เริ่มลดลง ๆ ถึง 30 กิโลกรัมเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็เปลี่ยนการออกกำลังกาย จากว่ายน้ำมาเป็นวิ่งบนลู่วิ่งวันละ 2 ชั่วโมง และยังควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง จนเขาสามารถลดน้ำหนักจาก 140 กิโลกรัม เหลือเพียง 66 กิโลกรัมเท่านั้นเอง แปลงโฉมจากเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ในระยะเวลาเพียง 8 เดือนเท่านั้น!! 

        ต่อกันด้วยสาวสวยอย่าง ลูกนก ที่ขอแชร์ประสบการณ์ในเว็บไซต์พันทิปจนโด่งดังทั่วโลกไซเบอร์ และกลายเป็นไอดอลลดน้ำหนักให้กับสาว ๆ หลายคนเลยล่ะ เช่นเดียวกับหนุ่มเนย ถึงแม้จะมีคนบอกว่าเธออ้วน แนะนำให้เธอไปลดน้ำหนัก แต่เธอก็ไม่แคร์ พร้อมประกาศก้องว่า "การกินคือความสุขของเรา" 

        ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง นั่นก็คือ "นิชคุณ" นักร้องสุดหล่อขวัญใจเธอนั้นเอง โดยลูกนกบนเอาไว้ว่า หากเธอได้จับมือกับนิชคุณ เธอจะไม่กินข้าวเย็นและไม่กินน้ำอัดลม 1 เดือน และแน่นอนฟ้าดินก็เป็นใจให้เธอลดน้ำหนัก เพราะในงานคอนเสิร์ตนั้น เธอโชคดีได้จับมือนิชคุณเข้าเต็ม ๆ ทำให้เธอต้องทำตามสัญญาที่เธอบนเอาไว้ 

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ภายใน 1 เดือนที่เธอไม่กินข้าวเย็นและงดน้ำอัดลมนั้น เธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัมเลยทีเดียว จากนั้นเธอก็มีกำลังใจเดินหน้าลดน้ำหนักต่อไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้เธอลดน้ำหนักเหลือเพียง 68 กิโลกรัม จาก 131 กิโลกรัม ลดไปถึง 63 กิโลกรัมเลยล่ะค่ะ

         เพียงแค่แรงฮึดเล็ก ๆ เท่านั้น ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจากคนน้ำหนักหลักร้อย!! มาเป็นคนที่ดูดี สุขภาพดี แถมยังหน้าตาดีอีกด้วยนะ :)  

 

30 ธ.ค. 55 เวลา 19:46 1,545 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...