เอพีรายงานว่า ชาวอินเดียต่างโศกสลดเวทนาและคับแค้นใจต่อชะตากรรมของนักศึกษาสาวชาวอินเดีย อายุ 23 ปี ถูกกลุ่มชาย 6 คนรุมข่มขืนและทำร้ายร่างกายบนรถเมล์แล้วโยนร่างทิ้งถนนในกรุงนิวเดลี เมืองหลวง เมื่อ 16 ธ.ค. เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 04.45 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่โรงพยาบาลเมาต์ เอลิซาเบธ ในประเทศสิงคโปร์ หลังจากอินเดียส่งตัวมารักษาได้สองวัน อาการทรุดลงเรื่อยๆ โดยคณะแพทย์ไม่อาจช่วยรั้งชีวิตไว้ได้ เนื่องจากอวัยวะภายในและสมองบอบช้ำมาก



กรณีดังกล่าวทำให้อินเดียอับอายไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นประเทศที่ 2 ในโลกที่เลือกสตรีเป็นผู้นำ ทั้งยังเป็นประเทศมหาอำนาจเอเชีย แต่กลับเป็นชาติที่ยังมีประเพณีและค่านิยมกดขี่สตรีและเหยียดเพศ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐและตำรวจ กระทั่งเกิดเหตุอัปยศนี้ จึงทำให้มีชาวอินเดียลุกฮือประท้วงมาตลอดครึ่งเดือน จนล่าสุด เมื่อเหยื่อสาวเสียชีวิต ต่อเนื่องจากเหตุที่เหยื่อข่มขืนอีกคดีซึ่งเป็นสาววัย 17 ปีฆ่าตัวตาย ทางการสั่งตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยพร้อมตั้งด่านรับมือผู้ชุมนุมที่จะลุกฮืออีกครั้ง ทั้งที่อนุสรณ์กลางกรุง ทำเนียบประธานาธิบดี และสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นจุดที่เคยมีการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม



ขณะเดียวกัน ตำรวจอินเดียตั้งข้อหาคนร้ายทั้ง 6 รายในคดีนี้ พร้อมเผยว่า หากศาลตัดสินว่ามีความผิด บทลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต



นายมานโมฮัน สิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวว่า เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ประท้วงดี และหากทุกฝ่ายนำความรู้สึกนี้มาเปลี่ยนเป็นพลังในการปฏิรูปสังคมได้ ก็จะถือเป็นการสดุดีต่อการเสียชีวิตของเหยื่อได้อย่างแท้จริง



ด้านนางโซเนีย คานธี ประธานพรรคคองเกรส แกนนำรัฐบาลอินเดีย ร่วมกล่าวไว้อาลัยว่า ในฐานะที่เป็นผู้หญิงและเป็นแม่ เข้าใจความเจ็บปวดนี้ และยืนยันว่าชีวิตของเหยื่อรายนี้จะไม่สูญเปล่า