เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. ที่ สน.บุคคโล พ.ต.อ.โชคชัย งามวงศ์ ผกก.สน.บุคคโล พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกันตรวจสอบรถบรรทุก 4 ล้อใหญ่ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ลายสีน้ำเงิน ติดสติกเกอร์ตัวอักษรสีน้ำเงิน เขียนว่า BRINKS รอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้างรถ และท้ายรถ หมายเลขทะเบียน ณล 4974 กทม. ดัดแปลงเป็นรถขนเงินของ บริษัท บริงค์ส (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่พนักงานประจำรถคันดังกล่าว นายทศพร ริ้วนาค อายุ 35 ปี หัวหน้าชุดดูแลรถ บริษัทบริงค์ส นายพุฒ มุ่งดี อายุ 30 ปี พนักงานขับรถ และนายธนภัทร ต้นสียา อายุ 30 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำรถขนเงิน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วัฒนากร อู่นาท พงส.ผนพ.สน.บุคคโลว่า ได้บรรทุกเงินมูลค่ากว่า 53 ล้านบาท ขณะกำลังจะไปบรรจุตู้เอทีเอ็มสาขาต่างๆ แต่ระหว่างทาง ทำกระเป๋า 1 ใบตก ภายในมีเงินสดกว่า 3 ล้านบาท
นายทศพร กล่าวว่า ทำงานมาประมาณ 8 เดือน เมื่อเวลา 01.45 น. วันนี้ ได้บรรทุกเงินกว่า 53 ล้านบาท ของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีนายพุฒเป็นคนขับ และนายธนภัทร เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย นั่งมาด้วยกันที่ด้านหน้าทั้งหมด ออกจากศูนย์ปฏิบัติงานย่อยของบริษัท บริงค์ส ถนนพระราม 3 ซอย 30 เพื่อจะนำเงินไปบรรจุเข้าตู้เอทีเอ็มไทยพาณิชย์สาขาย่อยต่างๆ ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี โดยจุดแรกที่ซอยตากสิน 19 โดยใช้เส้นทางถนนพระราม 3 ข้ามสะพานพระราม 3
เมื่อขับมาถึงบริเวณ ร.พ.กรุงธนบุรี 1 ถนนตากสิน มีชายขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีแดง บีบแตร และตะโกนบอกให้หยุดรถ เพราะประตูท้ายรถเปิด ตนจึงให้นายพุฒจอดรถลงไปตรวจสอบ พบว่าประตูท้ายฝั่งซ้ายเปิดออก โดยยังมีแม่กุญแจติดอยู่ที่ท้ายรถ เมื่อตรวจนับกระเป๋าเงินที่บรรจุมาจำนวน 27 ถุง พบว่าหายไป 1 ใบ เป็นกระเป๋าเงินสีดำขนาดใหญ่ ภายในบรรจุกล่องเหล็ก รหัส SB458 ลำดับที่ 14 มีเงินสด 3,330,000 แบ่งเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวนสามล้านหนึ่งแสนบาท ธนบัตรใบละ 500 จำนวนหนี่งแสนบาท และธนบัตรใบละ 100 บาท จำนวนแปดหมื่นบาท ก่อนขับรถขนเงินคันดังกล่าวมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุคคโล ที่ตั้งด่านอยู่บริเวณแยกบุคคโล ถนนเจริญนคร ก่อนจะนำรถมาที่ สน.บุคคโล เพื่อตรวจสอบ
พ.ต.ท.ปิโยรส กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบสวนพนักงานบริษัท บริงค์ส ทั้ง 3 คน แต่ทั้งหมดให้การไม่ตรงกัน ยังสับสนเกี่ยวกับรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งรายละเอียดประตูที่เปิดออก การถือครอบครองกุญแจประตู และลักษณะจักรยานยนต์ที่แจ้งว่าประตูท้ายเปิดออก ส่วนกล้องวงจรปิด ที่ติดอยู่ท้ายรถขนเงินก็เสีย จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ พฐ. มาตรวจสอบลายนิ้วมือ และส่งกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางของรถที่แน่ชัดบริเวณที่กระเป๋าอาจตก และสอบปากคำพนักงานทั้ง 3 คน ต่อไป