รตอ.เครียด ยิงตัวสยองคาปั๊ม

โทร.ลาตายกับพ่อแม่นับชม. เป็นรองสารวัตรสน.ร่มเกล้า ผกก.ชี้งานดี-คาดปมส่วนตัว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. พ.ต.ท.ฉัตรชัย พวงวิกสิตรัตน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ลำผักชี ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตัวเองเสียชีวิตภายในปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนน สุวินทวงศ์ขาเข้า หลักกิโลเมตรที่ 45 ใกล้โชว์รูมรถยนต์อีซูซุ สาขา สุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร ผบก.น.3, พ.ต.อ. ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รอง ผบก.น.3, พ.ต.อ.สมพร กฤษณพิพัฒน์ ผกก.สน.ลำผักชี, และพ.ต.อ. พันธนะ นุชนารถ ผกก.สน.ร่มเกล้า พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง



ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน ตรงจุดหัวจ่ายน้ำมันดีเซลช่องในสุด ใกล้กับมินิมาร์ทของปั๊ม พบรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ชฉ 3811 กทม. บริเวณประตูหน้าฝั่งคนขับพบศพ ร.ต.อ.ธีระยุทธ คชคง รอง สว.จร.สน.ร่มเกล้า อายุ 37 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ สภาพสวมเครื่องแบบเต็มยศนอนตะแคงขวา มือขวายังกำปืนพกส่วนตัวยี่ห้อกล็อกสีดำ ขนาด 9 ม.ม. ในแม็กกาซีนยังมีกระสุนอีก 13 นัด มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับด้านขวา ทะลุกลางศีรษะซ้าย กระสุนพุ่งขึ้นไปเข้าที่หลังคาปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังพบปืนพกสั้นลูกโม่สีเงิน ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 อยู่ในซองปืนเหน็บข้างเอวขวา เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน



สอบสวนนายพัฒนพงศ์ พลอยพานิชย์ พนักงานถ่ายน้ำมันเครื่องประจำปั๊มน้ำมันเอสโซ่ดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ ก็พบผู้ตายขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคมาจอดที่หน้ามินิมาร์ทตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. จึงเข้าไปถามว่าจะเติมน้ำมันหรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือไม่ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่ เลยเดินไปทำงานต่อ จากนั้นผู้ตายก็เดินลงมาจากรถด้วยอาการกระสับกระส่าย เหมือนมีอาการหวาดระแวงตลอดเวลา ทั้งยังเดินคุยโทรศัพท์มือถือไปมาด้วยสีหน้าเคร่ง เครียด โดยใช้เวลาคุยโทรศัพท์อยู่นานหลายชั่วโมง ซึ่งผู้ตายได้ผุดลุกผุดนั่งกับจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้ามินิมาร์ทภายในปั๊มอยู่หลายรอบ ต่อมาเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด หันมองตามเสียงปืนก็พบว่าผู้ตายได้ใช้ปืนยิงตัวเองแล้ว จึงรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือ แล้วพยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยได้



ต่อมาน.ส.ศิริวรรณ หรืออ้วน ปานสมพงค์ อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่สำนักวุฒิสภา ภรรยาผู้ตาย และด.ต.สัจจะ จีวะ ผบ.หมู่ ปป.สภ.เมืองนครปฐม พี่ชายผู้ตาย เดินทางมาที่เกิดเหตุ ก่อนที่พล.ต.ต. ขจรศักดิ์และพ.ต.อ.พันธนะ จะเชิญตัวมาสอบถามถึงปมปัญหาสาเหตุที่ร.ต.อ.ธีระยุทธตัดสินใจยิงตัวตายซึ่ง น.ส.ศิริวรรณยังอยู่ในอาการเสียใจไม่สามารถให้ข้อมูลได้มาก



พล.ต.ต.ขจรศักดิ์กล่าวว่า จากการสอบถามภรรยาและพี่ชายผู้ตาย เบื้องต้นพบว่า น่าจะเป็นปัญหาเรื่องส่วนตัว มากกว่าเรื่องงาน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยังสอบได้ไม่มากเนื่องจากภรรยาและพี่ชายผู้ตายยังอยู่ในอาการเสียใจอยู่ เท่าที่สอบถามผู้บังคับบัญชาของผู้ตายบอกว่าผู้ตายเป็นคนดีขยันทำงาน มีแต่คนรัก ส่วนเรื่องการยิงตัวตายนั้น ครอบครัวผู้ตายไม่ติดใจ อีกทั้งภาพกล้องวงจรปิดในปั๊มบันทึกภาพตอนผู้ตายยิงตัวเองไว้ชัดเจน จากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งศพไปผ่าชันสูตรที่นิติเวช ร.พ.ตำรวจ ต่อไป



พ.ต.อ.พันธนะ ผู้บังคับบัญชาผู้ตาย กล่าวว่า สาเหตุของการยิงตัวตายครั้งนี้ ยังไม่ทราบอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือปัญหาส่วนตัว ต้องรอการสอบถามภรรยาเเละญาติอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ตายเกิดความเครียดที่ถูกย้ายไปประจำที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้นั้น ไม่ใช่แน่นอน เพราะผู้ตายไม่ได้ถูกย้ายไปไหน เท่าที่ทราบผู้ตายเป็นคนตั้งใจทำงาน อุปนิสัยดี เลยไม่ทราบว่าเกิดจากปํญหาอะไร ทั้งนี้ผู้ตายเพิ่งได้ติดยศ ร.ต.อ.เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบแรงงานต่างด้าว บก.น.3 และ บก.น.4 เมื่อ 3 วันก่อน นอกจากนี้ทราบว่านอกจากรับราชการเป็นตำรวจยังเป็นนายหน้าค้าที่ดินอีกด้วย



รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบโทร ศัพท์ไปทางปลายสายพบว่า ร.ต.อ.ธีระยุทธโทร.กลับไปหาพ่อแม่ โดยพ่อแม่แจ้งแต่เพียงว่าลูกชายโทร.มาลาตาย แต่ไม่ได้บอกสาเหตุ อย่างไรก็ดี ร.ต.อ.ธีระยุทธเป็นนายตำรวจที่มีฐานะดี เพราะทำ ธุรกิจหลายอย่าง จึงตั้งประเด็นสอบสวนไว้หลายประเด็นทั้งเรื่องปัญหาจากธุรกิจส่วนตัว รวมถึงความรัก นอกจากนั้นในเรื่องของหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบแรงงานต่างด้าว ก็จะต้องตรวจสอบว่ามีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มอิทธิพลกลุ่มไหนหรือไม่


 

29 ธ.ค. 55 เวลา 10:55 2,685 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...