เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก honda.com
ฮอนด้า โวยกรมสรรพสามิต ให้สิทธิรถคันแรกกับ วีออส รุ่นใหม่ ที่ยังไม่มีการผลิตออกมา ชี้เป็นการทำลายความเชื่อมั่นการออกกฎระเบียบของรัฐบาล
สืบเนื่องจากกรณีที่ กรมสรรพสามิต อนุมัติให้ โตโยต้า วีออส รุ่นใหม่ ปี 2013 ที่ยังไม่มีการผลิตออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีนี้ และใช้เพียงแคตตาล็อกแผ่นเดียวเปิดรับจองแก่ลูกค้าทั่วไป แต่กลับสามารถเข้าโครงการคืนภาษีรถคันแรกได้ ซึ่งขัดแย้งกับเงื่อนไขการเปิดตัวและการขายที่กรมสรรพสามิตได้กำหนดไว้ จนสร้างความกังขาให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่มากมายนั้น
ล่าสุด วานนี้ (25 ธันวาคม) นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของการออกกฎระเบียบและข้อกำหนดต่าง ๆ ของรัฐบาล สะท้อนถึงนโยบายในอนาคต จะทำให้บริษัทต่าง ๆ กำหนดทิศทางการทำงานด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะอีกไม่นานจะเปิดเขตเสรีเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ต้องมีข้อกำหนดกลางร่วมกันของแต่ละประเทศมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีความชัดเจนของนโยบาย รวมถึงการมีผลบังคับใช้อย่างเท่าเทียม เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประเทศในอนาคต
ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 บริษัทจะทำหนังสือแสดงความเห็นไปยังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ จากเดิมกำหนดตามมาตรฐานการปล่อยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และไม่อ้างถึงชื่อเทคโนโลยีใด ๆ ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวที่ออกมา ยังไม่เป็นธรรมสำหรับรถยนต์บางชนิด โดยเฉพาะรถไฟฟ้ากับรถไฮบริด เทคโนโลยีของรถไฟฟ้ายังอยู่ในกระบวนการพัฒนาและวิจัยอยู่ ยังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย รวมถึงไม่มีการทดสอบสมรรถนะอย่างชัดเจน แต่ได้กำหนดอัตราภาษีไว้แล้ว ในขณะที่รถไฮบริดกำหนดขนาดเครื่องยนต์และการปล่อย CO2 เป็นขั้นบันได การออกอัตราภาษีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากเทคโนโลยีเปลี่ยนไป จึงควรกำหนดเฉพาะการปล่อย CO2 เท่านั้น
นอกจากนี้ นายพิทักษ์ ระบุว่า สำหรับยอดขายในปี 2556 ฮอนด้าคาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคัน จากปีนี้คาดว่ามียอดขายไม่ต่ำกว่า 1.7 แสนคัน ส่วนตลาดรถยนต์รวมปี 2556 จะอยู่ประมาณกว่า 1.2 ล้านคัน มาจากยอดค้างส่งมอบรถยนต์ (แบ๊กออเดอร์) ในปีนี้ ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิรถคันแรกปีนี้กว่า 1.2 ล้านราย แต่กำลังการผลิตของทุกบริษัทรวมเพียง 7 แสนคัน มีแบ๊กออเดอร์ประมาณ 5 แสนคัน ไปส่งมอบในปีหน้า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก