ทลายแก๊งขอทาน"เด็ก" เหยื่อค้ามนุษย์ข้ามชาติ จากเขมรถึงกรุงเทพฯ

 

ในโลกเสรีที่เน้นย้ำความสำคัญในเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน ปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นปัญหาสำคัญ ที่มักจะแฝงเข้ามาในรูปแบบต่างๆ 

เพื่อหาผลประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานและบริการจากบุคคลที่อยู่ในสถานะด้อยกว่า โดยมุ่งเน้นไปที่เด็กและสตรี ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าว

โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่ถูกนำมาเป็นขอทาน หาผลประโยชน์จากแรงงานเด็ก ด้วยช่องทางความน่าสงสาร ส่งผลให้เด็กน้อยเหล่านี้ต้องเสียโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองให้เป็นเยาวชนที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตได้

เพียงเพราะขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้หวังจะกอบโกยผลประโยชน์จากเด็กที่น่าสงสารเหล่านี้

หากพูดถึงแก๊งค้ามนุษย์ที่นำเด็กเร่ร่อนมาขอทาน มักจะพบได้ในพื้นที่เมืองใหญ่ อย่างเช่นเชียงใหม่ หาดใหญ่ หรือแม้แต่กระทั่งในกรุงเทพฯ ก็ไม่มีเว้น 

ด้วยความปล่อยปละละเลย ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้กลุ่มขอทานเร่ร่อนนี้มีมากขึ้นทุกวัน

พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 จึงมีคำสั่งกำชับให้สอดส่องดูแลจัดการกับแก๊งค้ามนุษย์เหล่านี้อย่างจริงจัง

เพียงไม่กี่วันพ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.น.4 พร้อมตำรวจชุดสืบก็สามารถหาเบาะแสจนทลายส่วนหนึ่งของแก๊งขอทานเร่ร่อนได้ 

คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 ธ.ค. เมื่อพ.ต.อ.สง่า พร้อมพ.ต.ท.อภิชาติ อุตรมาตย์ สว.กก.สส.น.4 ออกตรวจพื้นที่ในเขตรับผิดชอบ 

เมื่อถึงบริเวณข้างวัดเทพลีลา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งเป็นจุดที่มีคนพลุกพล่าน ก็พบ ด.ญ.ขวัญตา(นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ สัญชาติกัมพูชา ลักษณะเนื้อตัวมอมแมม นั่งขอทานอยู่คนเดียว

แต่ที่แปลกจนผิดสังเกต คือข้างตัวของด.ญ.คนดังกล่าว มีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ 1 เครื่อง 

จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นแก๊งขอทานเร่ร่อน โดยเด็กอาจถูกหลอกลวงมาจากที่อื่น จึงสั่งให้ชุดสืบเฝ้าจับตาดู

ไม่นานเท่าใด เสียงโทรศัพท์ข้างตัวเด็กก็ดังขึ้น เมื่อชุดสืบเข้าไปสังเกตการณ์ก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ตอบโต้เป็นภาษาเขมร จากนั้นก็มีชายพิการ แขนขาด้วน ถัดรถเข็นไม้กระดานเข้ามาหาด.ญ.ขวัญตา พร้อมหยิบเศษเงินในกระป๋องไปเก็บไว้ 

เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าควบคุมตัวไปสอบสวน ได้ความว่า ชายคนดังกล่าว ชื่อนายไห้ อุ้มให้ อายุ 51 ปี ให้การว่า มีคนนำด.ญ.ขวัญตา มาฝากไว้ ไม่รู้จะทำยังไงจึงพาไปขอทานเพื่อหาเงินเป็นค่าอาหารในแต่ละมื้อเท่านั้น 

ขณะที่ด.ญ.ขวัญตา ซึ่งพอจะฟังภาษาไทยรู้เรื่อง ให้การว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ผ่านทางด่านชายแดนอ.อรัญ ประเทศ จ.สระแก้ว โดยนายไห้ซื้อตัวมาจากพ่อแม่ในราคา 3,500 บาท โดยบอกว่าจะพามาทำงานก่อสร้างแถวย่านบางกะปิ

ทว่าเมื่อมาถึง นายไห้กลับให้ไปพักในห้องเช่าที่ซอยรามคำแหง 39 และพาไปนั่งขอทานอยู่หน้าวัดเทพลีลา พร้อมกับให้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องไว้ พอเวลาประมาณ 15.00 น. ก็จะมารับกลับห้องพัก

โดยวันหนึ่งจะได้เงินจากการขอทานประมาณ 1-2 พันบาท โดยนายไห้จะเก็บไปหมด แล้วทิ้งเงินส่วนแบ่งให้เพียงวันละ 20 บาทเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมคำให้การ พร้อมแจ้งข้อหา กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ค้ามนุษย์ และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต 

พร้อมดำเนินคดีก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป

นอกจากนี้ ตำรวจจากกก.สส.น.4 ยังจับกุม นางจันที ต่ายพี่ อายุ 45 ปี ชาวกัมพูชา ที่นำด.ญ.จันเทือง (นามสมมติ) อายุ 12 ปี สัญชาติกัมพูชานั่งขอทานอยู่ที่บริเวณสะพานลอยคนข้าม ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขารามคำแหง และอ้างว่าเป็นมารดาของด.ญ.จันเทือง โดยนางจันที นำตัว ด.ญ.จันเทือง มาจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั่งรถมาขอทานยังกรุงเทพฯ 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีเช่นเดียวกับนายไห้

สำหรับเด็กทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่ประสานงานศูนย์ประชาบดี ให้รับตัวและดูแลเรื่องคุ้มครองสิทธิของเด็กต่อไป

สำหรับปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะแก๊งขอทานเร่ร่อนนี้ หากหวังพึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเพียงอย่างเดียว ปัญหาคงไม่มีทางหมดไปได้อย่างแน่นอน

หากเรายังคงมีค่านิยมให้เงินเด็กขอทานกันอยู่อย่างนี้ จึงควรตระหนักว่าความสงสารที่แปรเป็นจำนวนเงินที่ให้ไป เท่ากับการสนับสนุนให้ขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ มีช่องทางเติบโตขึ้นไปอีก

หากต้องการหยุดวงจรอุบาทว์นี้จริง ต้องเลิกให้เงินทุกช่องทางทันที

 
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...