วันที่ 18 ธันวาคม 2555 (go6TV) ฮือฮาทั่วโลกอินเตอร์เนต "แนวร่วมพันธมิตร-แกนนำประชาชนทนไม่ไหว" มีข่าวคาวฉาวโฉ่โกงเงินบริจาคช่วงม็อบเสธ.อ้าย รับสารภาพกลางโรงพักว่า "รับเงินบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวจริง"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 ที่โรงพักนางเลิ้ง มีกลุ่มบุคคลซึ่งอ้างว่า เป็นกลุ่มผู้ค้นหาความจริงจากกรณีเงินบริจาคในการชุมนุมของแกนนำกลุ่มประชาชนทนไม่ไหว ที่พัฒนาการขึ้นมาจนมาสู่การชุมนนุมม็อบเสธ.อ้าย ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่า "แกนนำกลุ่มผู้โดดเด่น" คนหนึ่ง ที่ใช้ไอดีทางเฟสบุ๊คว่า "โอมเพี้ยงง รักในหลวง" ได้หลอกรับบริจาคเงินหลังไมค์ เข้าบัญชีส่วนตัวจริง

เรื่องเริ่มต้นจาก เมื่อการชุมนุมครั้งแรก ที่มีกลุ่มที่ชื่อว่า "ประชาชนทนไม่ไหว" ไปประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดยมีคลิปของหญิงสาวคนหนึ่ง ตามในาภาพข้างต้น ออกมาร่วมแสดงบทบาทนำอย่างแข็งขันพร้อมพร่ำน้ำตาเรียกแขกคนเกลียดทักษิณ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ประกาศ "รับบริจาคเงิน" เข้าบัญชี โดยมีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ช่วยเหลือบริจาคกันอย่างมากมาย โดยที่ไม่ทราบว่า ชื่อบัญชีที่บริจาคนั้น "เป็นบัญชีส่วนตัว" หลังการชุมนุมที่สถานทูต เรื่อยมาถึงการชุมนุมใหญ่กลุ่มเสธ.อ้ายเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ก็ปรากฏว่าเธอยังแอบรับบริจาคหลังไมค์โดยตลอด หลังการชุมนุมเสร็จสิ้น มีผู้ชุมนุม ซึ่ง "สังเกต" ว่าหญิงดังกล่าวคนนี้ ไม่ได้ปรากฏตัวและเงินที่สัญญาว่าจะนำไปซื้ออุปกรณ์ต่างๆ กลับไม่ได้มีตามที่กล่าวอ้าง โดยมีผุ้ชุมนุม เริ่มทักท้วงดังนี้

 

"คำว่า โมเพี้ยง หมายถึงคุณโอมเพี้ยงง และสาโรจน์ หมายถึงคนหนึ่งที่ร่วมแก๊งค์กัน

ผู้ที่บริจาคเงินให้เธอ เริ่มตั้งข้อสังเกตว่า เธอรับบริจาคเงินแต่ไม่ได้ตั้งเต้นท์ทำอาหารตามที่กล่าวอ้าง ไม่ได้มีเวชภัณฑ์ยาใดๆในพื้นที่ชุมนุม และค่าใช้จ่ายต่างๆที่อ้างก็ไม่มีตามกล่าวอ้าง และเธอก็หายไปจากการชุมนุม

 

หลังจากมีคนตั้งคำถาม เธอหายเงียบไปสักพัก เธอเปลี่ยนชื่อไอดีใหม่เป็น "ประชาชนของพระราชา กลับมา สู้สู้ รักในหลวง" เธอได้เข้ามาเขียนข้อความยืนยันตัวเธอเอง และกล่าวอ้างว่า "หากหนูแอบอ้างหลอกลวง พี่น้องจะเห็นหนูติดคุกเอง" พร้อมเบี่ยงเบนประเด็นให้เป็น "ด่าทักษิณ" เพื่อเอาใจแฟนคลับ แต่บังเอิญมีแฟนคลับตาไว เคยเซฟภาพเมื่อตอนเธอขอรับบริจาคเงินไว้ จึงนำมาโพสท์ยืนยันว่าเธอ "ขอรับบริจาคจริง"

 

ภาพข้อความที่เธอเคยเขียนขอรับบริจาคหน้าเพจ

คนเริ่มสงสัยหนักขึ้น คุณโอมเพี้ยงโวยวายโบ้ยไปว่าเธอรับบริจาคในนามของ องค์การพิทักษ์สยาม ทางองค์การพิทักษ์สยาม จึงขึ้นข้อความปฏิเสธว่า ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นั้น องค์การพิทักษ์สยามไม่ได้ตั้งโต๊ะรับบริจาคเลย แต่ที่ประกาศรับบริจาคนั้นเพราะประกาศให้กลุ่มของคุณโอมเพี้ยงง รักในหลวง เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มที่เสียสละ องค์การพิทักษ์สยามจึงออกประกาศ ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการรับบริจาคใดๆทั้งสิ้น

 

พิทักษ์สยาม โยนขี้ ไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้รับบริจาคใดๆทั้งสิ้น

เมื่อคุณ "โอมเพี้ยงง รักในหลวง" ทราบว่าองค์การพิทักษ์สยามออกมาปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเงินทอง เธอก็รีบออกมาแก้ตัวอีกรอบว่า

 

เธอออกมาปฏิเสธ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เค้ากล่าวหา แต่ว่า...เธอโบ้ยว่า "ไม่ได้รับบริจาคเงิน รับเป็นสิ่งของ"
 

เธอปฏิเสธ ไม่ได้รับเงินสด รับแต่สิ่งของ

เธอเด้งเชือกหนีอีก โดยท้าให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่สงสัยเธอ มาหาเธอได้จึงมี "ผู้บริจาคเงิน" เริ่มทยอยเปิดเผยตัวถามเธอว่าจำเธอได้ไหม คนที่บริจาคเงินให้เธอ 5000 บาท และต้องการขอเงินคืน!

 

สาวกพันธมิตร ขอเงินบริจาคคืนจากเธอ 5000 [km

 

เธออ้างรับเฉพาะคนติดต่อหลังไมค์เท่านั้น และมีคนหลงเชื่อโอนเงินเข้าไปจำนวนมาก

 

ผู้รับเงิน ให้ธนาคารทำใบเอกสารอ้างอิงการโอนเงินจริง

 

เลขที่บัญชีของ "โอมเพี้ยงง รักในหลวง" ที่เปิดรับบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัว

ท้ายสุด เมื่อทุกฝ่ายต่างปฏิเสธ ไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการโอนเงินบริจาคม็อบเสธ.อ้าย จึงเรียกเธอให้ไปเคลียร์กันที่โรงพักนางเลิ้ง ในวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 15.00 น. ซึ่งมีข้อสรุปดังนี้

"สรุปเหตุการณ์
ตอนนี้ไม่มีการไปที่ สน. เพื่อดำเนินการใดๆ ต่อแล้วนะคะ ทุกอย่างจบลงแล้ว ดังนี้

ทางผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงประเด็นการรับบริจาคได้เลย และทั้งสองยอมรับแล้วว่ามีการรับบริจาคเงินทางหลังไมค์จริง แต่ก็ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายได้ ทั้งนี้ ทางผู้บริจาคเงิน 5,000 บาทได้โทรไปยืนยันในที่ประชุมว่ามีการบริจาคจริง

 

 

ผู้ถูกกล่าวหา คือ โอมเพี้ยงง รักในหลวง ยอมรับสารภาพตามรายละเอียดนี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 เพจประชาชนทนไม่ไหว ได้ออกแถลงการณ์ปัดความรับผิด ไม่รู้เห็นใดๆต่อการทุจริตของผู้ใช้ไอดีว่า "โอมเพี้ยงง รักในหลวง"
 

ทีมงานได้ตรวจสอบไปยังเฟสบุ๊คของ "โอมเพี้ยงง รักในหลวง" ปรากฏว่าข้อมูลทุกอย่างทั้งข้อความและรูปภาพ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน จนถึงปัจจุบันได้ถูกลบทิ้งไปหมดเรียบร้อย
เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านบทความนี้ โปรดรับชมคลิปนี้ประกอบ ตั้งแต่เวลาที่ 1.35 เป็นต้นไป!