เมื่อ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ร.ต.ท.ธวัช เนียมสิน ร้อยเวร สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจาก นายประกอบ ชำนาญกิจ เจ้าของปางช้าง หมู่บ้านช้างหัวหิน ว่ามีช้างในปางคุ้มคลั่งอาละวาดกระทืบ ควาญช้างตาย หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ..
พบช้างตัวดังกล่าวกำลังเกิดอาการคุ้มคลั่งอาละวาด และพบศพ นายรัตน์ ทะจักร อายุ 57 ปี นอนเสียชีวิตในสภาพร่างกายแหลกเหลว ท่ามกลางความตื่นตกใจของพระและผู้มาถือศีลจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อประสานงานไปยัง เจ้าหน้าที่สำนักงานอนุรักษ์ที่ 3 จ.เพชรบุรี ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร ต่อมา นายวัฒนา พรประเสริฐ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าไม้และทรัพยากร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่มายังปางช้างดังกล่าว พร้อมประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีและจ.ประจวบคีรีขันธ์ และยังประสานงานไปยังมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อมา นายสัตวแพทย์ นวกานต์ นิแพง ได้นำทีมยิงยามายัง ที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นจึงเริ่มยิงยาไปหลายดอก แต่ปรากฎว่าช้างตัวดังกล่าวกลับวิ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่และพระที่ยืนมุงดูอยู่จนต้องพากันวิ่งหนีแตกเจิงไปคนละทิศทาง และยังตรงเข้าชนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ของควานจนได้รับความเสียหายอีกหลายคัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมงในการหยุดการอาละวาด ของช้างพลายตัวดังกล่าวได้ในเวลา 17.00 น.
จากการสอบสวนนาย นิวัฒน์ มากเหลือ อายุ 27 ปี ในเวลาต่อมา นายนิวัฒน์ เองนั้นเป็นควานคนใหม่ที่พึ่งจะเดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์ และมาถึงในตอนเช้าตรู่ และในช่วงสาย นายรัตน์ ซึ่งเป็นควานประจำตัวของพลายสีดอ เต๋า ได้พาตนไปทำความคุ้นเคยกับพลายเต๋า เพื่อที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนนายรัตน์ ที่จะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ปรากฏพลายเต๋ากลับแสดงอาการไม่ยินยอม และในที่สุดได้สะบัดตนจนตกลงมา ทำให้ตนเองต้องวิ่งหนี ก่อนที่พลายเต๋า จะเดินหันหน้าไปเพื่อจะไปหาช้างพัง(ช้างเพศเมีย)อีกตัวหนึ่ง
แต่ปรากฏว่า นายรัตน์เห็นดังนั้นจังวิ่งเข้าไปหาและพยายามจับหูดึงเพื่อที่จะทำการควบคุม ทำให้พลายเต๋าเกิดโมโหสะบัดใส่จนนายรัตน์ ล้มลง จากนั้นพลายเต๋าได้ใช้เท้ากระทืบศรีษะจนกระโหลกแตก จากนั้นได้ใส้งวงจับขาเหวี่ยงจนร่างกระเด็นไปไกลก่อนที่จะวิ่งเข้าไปยืนคล่อมร่างและอาละวาด อย่างหนักด้วยอาการตกมัน จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าของปาง ก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจต่อไปจนมีการประสานงานเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆมาดำเนินการควบคุมได้ในที่สุด
ที่มา : Sanook