สลด! เด็ก 3 ขวบ ติดอยู่ในรถ 6 ชั่วโมง
โดนแดดเผา-ขาดใจตาย
เมื่อเวลาเที่ยงคืนวันที่ 19 ธ.ค. ร.ต.ต.ธงชัย ศรีสำโรง พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน รพ.บางมด ว่า มีเด็กขาดอากาศหายใจถูกส่งตัวมารักษาตัวแล้วเสียชีวิต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท ผกก.สน.ท่าข้าม แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงพบศพ ด.ช.พันธวีร์ หรือน้องเหนือ ยอดทอง อายุ 3 ปี 6 เดือน นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้าลายการ์ตูน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ตามเนื้อตัวทั้งแขนและขามีร่องรอยคล้ายถูกแดดเผาไหม้จนแดงทั่วร่าง ปากซีด เบื้องต้นไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย แพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง
จากการสอบปากคำ นายบุญเลิศ ยอดทอง อายุ 65 ปี ปู่ของเด็ก ให้การว่า น้องเหนือเป็นหลานชายแท้ๆ ของตน โดยตนและภรรยาคือ นางภาษี วงศ์ศรีรักษา อายุ 61 ปี เลี้ยงดูหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ เนื่องจาก นายณรงค์ชัย ยอดทอง อายุ 31 ปี ลูกชายตนกับลูกสะใภ้ต้องไปทำงานโรงงานย่านบางบอน จึงนำน้องเหนือ มาฝากให้ตนช่วยดูแลที่ห้องพักเลขที่ 214 ชั้น 5 หอพัก พีเพิลพาร์คเพลส ซอยอนามัยงามเจริญ 15 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งลูกชายกับลูกสะใภ้จะมารับน้องเหนือ ไปนอนด้วยเพียงวันเดียวคือ วันเสาร์ จากนั้นช่วงค่ำวันอาทิตย์ก็จะพามาฝากให้เลี้ยงดูเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้มานาน 3 ปีกว่าแล้ว
นายบุญเลิศ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา น้องเหนือ บ่นอยากกินเงาะ ตนและภรรยาจึงจูงหลานเดินลงจากห้องพักชั้น 5 มาหาซื้อเงาะที่รถขายกับข้าว ซึ่งจะมาจอดบริเวณด้านหน้าหอพักทุกวัน แต่เมื่อซื้อเสร็จปรากฏว่า น้องเหนือ หายตัวไป จึงไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้ช่วยตามหา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ กระทั่งผ่านไปนานกว่า 6 ชั่วโมง มีเพื่อนบ้านวิ่งขึ้นไปบอกที่ห้องว่า พบ น้องเหนือ นอนแน่นิ่งอยู่ในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีขาว ทะเบียน 6 ธ 8773 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถหน้าหอพักใกล้ๆ กับจุดที่รถขายกับข้าวจอดตามปกติ ตนและภรรยาจึงรีบวิ่งลงมาดูพบว่า ประตูด้านหลังรถคันดังกล่าวไม่ได้ล็อก เมื่อเปิดออกพบร่าง น้องเหนือ นอนแน่นิ่งอยู่ที่เบาะด้านหลังรถ มีอาการปากซีด มือทั้ง 2 ข้างกำแน่น จึงตัดสินใจนำส่ง รพ.บางมด แต่แพทย์คาดว่า หลานตนเสียชีวิตตั้งแต่จุดเกิดเหตุแล้วจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
ด้าน นายปิยะวิทย์ ลิมสุทธิรัตน์ อายุ 33 ปี ช่างซ่อมรถซึ่งเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุ ให้การว่า ตนพักอยู่กับภรรยาในห้องเลขที่ 236 ชั้น 5 อาคารเดียวกัน ปกติจะใช้รถอีกคันหนึ่งซึ่งเพิ่งถูกโจรงัดประตูรถลักทรัพย์สินไปเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นวันรุ่งขึ้นตนจึงนำรถคันที่ถูกงัดไปซ่อมแซมประตูที่อู่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วนำรถคันนี้มาจอดไว้แทนด้านหน้าหอพักเผื่อจะใช้งาน แต่พอช่วงหัวค่ำวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนยังทำงานอยู่ที่อู่ ภรรยาได้โทรศัพท์มาบอกว่า มีเด็กเสียชีวิตอยู่ในรถ ให้รีบกลับมาดู ตนงงมากเพราะมั่นใจว่าตอนจอดได้ล็อกรถด้วยระบบเซ็นทรัลล็อกเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ทราบจริงๆ ว่าเด็กเปิดประตูเข้าไปนอนอยู่ในรถได้อย่างไร
ขณะที่ พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุการตายของเด็กว่า เป็นอุบัติเหตุจากความซุกซนหรือไม่ เนื่องจากยังต้องรอผลการตรวจสภาพรถคันดังกล่าวอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน อีกทั้งยังต้องดูผลการชันสูตรศพจากแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ประกอบกันด้วย เบื้องต้นจึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเชิญตัวผู้ปกครอง เจ้าของรถ และผู้พบศพคนแรก มาสอบปากคำอีกครั้งว่าเป็นความประมาทของผู้ใดบ้างหรือไม่ ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป