เพื่อนๆเคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่า เครื่องหมายคำถาม หรือในภาษาไทยเรียกว่า เครื่องหมาย
ปรัศนี นั้นที่มาของมันมาจากไหน ต้นกำเนิดมาอย่างไร? .. วันนี้ จะพาเพื่อนๆไปหาคำตอบ
กับ เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆนี้กันคะ ^^
เกร็ดความรู้ : ที่มาของ เครื่องหมายคำถาม ?
กฎการใช้ เครื่องหมายวรรคตอน ในภาษาอังกฤษรับมาจากภาษากรีกและละตินโบราณ ซึ่งจุดประสงค์หลักของมันในสมัยโน้นไม่ได้ใส่ไว้เพื่อช่วยความเข้าใจ แต่เพื่อช่วยชี้แนะผู้อ่านในการออกเสียง เครื่องหมายที่ต่างกันแสดงให้ผู้อ่านทราบว่าต้องเน้นเสียงหนักเบาในพยางค์นั้นอย่างไร ที่ไหนจะต้องหยุดและสูดหายใจเพื่อรักษาจังหวะในแต่ละวรรคของโคลงกลอน
ที่มาของ เครื่องหมายคำถาม : ในภาษาละติน
คำถามจะถูกบ่งบอกด้วยคำว่า questio ซึ่งใช้กำกับไว้ท้ายประโยค ภารกิจอันหนักหน่วงของการเขียนหนังสือทั้งเล่มด้วยลายมือ ง่ายขึ้นด้วยการย่อคำหลายคำให้สั้นลง และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือคำว่า questio ซึ่งย่อเป็น QO แต่เนื่องจาก QO อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวย่อของคำอื่น อาลักษณ์จึงริเริ่มเขียน QO ไว้เหนือ O เมื่อเวลาผ่านไป Q ก็เริ่มขาด ๆ หาย ๆ กลายเป็นเส้นยึกยือ ส่วน O กลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ
ที่มาของ เครื่องหมายคำถาม :
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๙ เครื่องหมายแสดงคำถามนี้ถูกใช้เพื่อช่วยกำกับการร้องบทสวดอันศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ที่เรียกว่า Gregorian chants เครื่องหมายนี้คล้ายคลึงกับเครื่องหมายคำถามที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่เขียนเอียงไปทางขวาเล็กน้อย มันช่วยบอกจังหวะหยุดและการเปล่งเสียงให้สูงขึ้น
ต่อมาพัฒนาการด้านการพิมพ์ในศตวรรษที่ ๑๕ ก่อให้เกิดความต้องการใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่เป็นมาตรฐาน ใน ค.ศ. ๑๕๖๖ ออลโด แมนูซิโอ (AIdo Manuzio) ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกที่กำหนดหลักเกณฑ์การใช้เครื่องหมายวรรคตอน ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า หลักการสะกดการันต์ (System of Orthography) กล่าวถึงการใช้ เครื่องหมายมหัพภาค (.) เครื่องหมายจุลภาค (,) เครื่องหมายทวิภาค (:) เครื่องหมายอัฒภาค (;) และเครื่องหมายปรัศนี (?) เมื่อถึงราว ค.ศ. ๑๖๖๐ นักเขียนและผู้พิมพ์ก็ใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) เครื่องหมายอัญประกาศ
(“ ”) และเส้นขีดยาว (-) เครื่องหมายเหล่านี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรป แม้ว่าจะยังคงใช้เพื่อกำกับการออกเสียงให้ชัดเจนก็ตาม
การพิมพ์หนังสือส่งผลให้การอ่านเงียบ ๆ ในใจแพร่ขยายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และยังทำให้เครื่องหมายวรรคตอนมีบทบาทสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาอังกฤษ ในขณะที่เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอื่นช่วยเสริมแต่งสีสันให้แก่สำนวนโวหาร เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษช่วยเสริมความเข้าใจของรูปประโยคในภาษาเขียน ด้วยเหตุนี้ในวงวิชาการและวรรณคดี ภาษาอังกฤษจึงค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ภาษาละติน
เกร็ดความรู้ : ที่มาของ เครื่องหมายคำถาม ?
เรียบเรียง teen.mthai
ที่มา truelife.com