เมื่อไม่นานนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) มีโอกาสต้อนรับคณะเยาวชนจากโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ประจำปี 2555 จากประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เวียดนาม พม่า ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน กว่า 300 คน ที่เดินทางแวะเยี่ยมเยือนประเทศไทยโดยเรือ "ฟูจิ มารู" ช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ เลขานุการรมว.พม. กล่าวว่า ในระหว่างที่เรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์แวะเยือนประเทศไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมพาเยาวชนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ เช่น วัดพระศรี รัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆ พร้อมศึกษาวัฒนธรรมไทยที่สำคัญทั้งการละเล่นต่างๆ ชิมอาหารไทย และเรียนรู้เกี่ยวกับเทศกาลลอยกระทง
"การเดินทางมาเยือนของคณะเยาวชนจากโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์จาก 10 ประเทศ และประเทศญี่ปุ่นถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีของเยาวชนไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะเป็นการเรียนรู้ความแตกต่างของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ" น.ส.อนุตตมากล่าว
นายตวง ชีวธาดาวิรุทน์ ผู้ช่วยผู้นำเยาวชนไทย บอกเล่าว่าหลังจากเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น คณะเยาวชนแบ่งกลุ่มกันเพื่อกระจายกันไปเรียนรู้วิถีของเจ้าบ้าน โดยตนอยู่ในกลุ่มที่ต้องเดินทางไปพักอาศัยกับครอบครัวญี่ปุ่นที่ จ.ยามางะตะ 2 คืน เขาพาไปเที่ยวส่วนต่างๆ ของเมือง ไปพิพิธภัณฑ์หมากรุก รับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เมื่อกลับมารวมกลุ่มได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยแต่ละประเทศจะจัดกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งประเทศไทยเราได้จัดแข่งงัดข้อและกิจกรรมนวดแผนไทย ฤๅษีดัดตน ทำพวงกุญแจผีตาโขน ประดิษฐ์บุหงารำไป วาดร่มบ่อสร้าง เพนต์หนังตะลุง การแสดงกินรีแดนซ์ เผยแพร่วัฒนธรรมของเรา สิ่งที่ดึงดูดชาวต่างชาติได้มากที่สุดคือนวดแผนไทย
"การที่เราได้มาอยู่ร่วมกับเยาวชนชาติอื่นๆ ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและมุมมองของชาตินั้นๆ เพราะเราได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนเรือลำนี้ หลังจบโครงการนี้ไปเราก็จะมีคอนเน็กชั่น ซึ่งสามารถเป็นกำลังต่อไปภายหน้าในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาคมอาเซียนได้ดียิ่งขึ้น" นายตวงกล่าว
น.ส.โรซา ลี เอส. บัลเดอวาโรนา ตัวแทนเยาวชนจากฟิลิปปินส์ เล่าว่า เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก อยากสัมผัสวัฒนธรรมที่แท้จริงของไทย การได้ไปวัดต่างๆ ในตอนเช้า ได้ไปโรงเรียนตามท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งมีกิจกรรมมากมายเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของไทยได้มากยิ่งขึ้น ตนเพิ่งเรียนจบการศึกษา อยากเป็นแพทย์ ในอนาคตข้างหน้าหากมีตำแหน่งที่ใหญ่โต จะนำคอนเน็กชั่นที่ได้จากโครงการนี้ไปต่อยอดเวลาทำงาน เพราะเชื่อว่าจะทำงานได้ง่ายขึ้น
นายคัตสึมิ เทระคาโด ตัวแทนเยาวชนญี่ปุ่น นักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และการพัฒนา เล่าว่ากิจกรรมบนเรือมีเยอะมาก ได้ทำหลายอย่าง ทั้งเต้น ร้องเพลง ต่อไปคงต้องติดต่อกับเพื่อนๆ เยาวชนจากประเทศต่างๆ กันแน่นอน ตื่นเต้นมากที่ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนอื่น เพราะไม่เคยไปประเทศในอาเซียนมาก่อน เป็นการเปิดโลกทัศน์มากๆ ชอบที่คนไทยชอบยิ้ม กระตือ รือร้น เวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มแล้วทำให้มีความสุข อยากนำประสบการณ์ที่ได้ทั้งหมดนี้ไปใช้กับอาชีพในอนาคต
"ก่อนเดินทางมาประเทศไทยไม่เคยคิดมาก่อนว่าประเทศไทยจะมีตึกสูง บ้านเมืองดูดีกว่าที่คิดไว้ และประเทศไทยก็ไม่ได้มีขยะมากเหมือนหลายประเทศ มีถนนที่สวยงาม ประทับใจมากๆ เมืองไทยเป็นเมืองที่ดีมากๆ แต่น่าเสียดายที่นอกจากสถานที่ที่โครงการได้พาไป ผมก็ไม่ได้ไปที่อื่น อยากไปอยุธยา อยากไปสยาม เพราะมีชื่อว่าเป็นแหล่งแฟชั่นเหมือนชินจุกุ"
ด้าน นายตี้หยินหลง เจเวน ตัวแทนเยาวชนสิงคโปร์ เล่าว่า ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนไทย โดยเฉพาะในช่วงที่อาศัยอยู่กับครอบครัวคนไทย ทำให้รู้ถึงวิถีชีวิตของคนไทยมากยิ่งขึ้น ได้นำวิถีชีวิตของชาวสิงคโปร์ที่เป็นวัฒนธรรมแบบคนจีน มาเลย์ อินเดีย ผสมผสานกันมาแลกเปลี่ยนกับคนไทยด้วย ทั้งการเต้นและการพูดคุย แต่ส่วนตัวแล้วอยากพูดคุยเล่าสู่กันฟังมากกว่า ตนทำงานภายใต้หน่วยงานรัฐบาล เปรียบเสมือนกรมที่ต้องเชื่อมความสัมพันธ์ เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
"อยากนำประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ และจะดูว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จได้อย่างไร เพื่อนำสิ่งนั้นกลับไปทำให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น"