ทางการสหรัฐฯประเมินว่าเอเชียจะมีอิทธิพลในการเมืองโลกแทนที่สหรัฐฯและยุโรปภายในปี 2030 ขณะที่จีนก็จะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแทนสหรัฐฯภายในอีก 20 ปีข้างหน้า
สภาข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIC ออกรายงานที่มีชื่อว่า Global Trend 2030 ซึ่งเป็นรายงานการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและการเมืองโลกที่ทาง NIC จะออกทุกๆ 4 ปี โดยระบุว่าภายในปี 2030 หรือพุทธศักราช 2573 กลุ่มประเทศในเอเชียจะมีอิทธิพลในการเมืองโลกมากกว่าสหรัฐฯและยุโรปรวมกัน
โดย NIC ให้เหตุผลว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่เศรษฐกิจของยุโรปและรัสเซียที่มีแนวโน้มเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาติในเอเชียมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของทั้งประชากร ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ หรือ GDP การใช้จ่ายทางการทหาร รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ
นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุอีกว่า ในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้เอเชียกลายเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลก ถึงแม้ว่าญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของเอเชียจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจเสื่อมถอยเช่นเดียวกับยุโรป
อย่างไรก็ตาม นายแมททิว เบอโรว์ ที่ปรึกษาสภาข่าวกรองแห่งชาติกล่าวย้ำว่า การที่จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้หมายความว่าจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจโลกในรูปแบบเดียวกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านของการแสวงหาพันธมิตรเพื่อสร้างอิทธิพลในประเด็นระหว่างประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ Global Trend 2030 ยังมีการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจการเมืองโลกอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่สหรัฐฯจะพึ่งพิงพลังงานภายในประเทศได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 20 ปีข้างหน้า หรือการที่ปัญหาประชากรสูงอายุ การขยายตัวของชนชั้นกลาง และทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง จะกลายเป็นความท้าทายหลักของรัฐบาลทั่วโลก