จับได้แล้วฆาตกรฆ่าข่มขืนเผานักเรียนหญิง ม.4 อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังตำรวจปูพรมล่านานกว่า 1 สัปดาห์ พบประวัติเคยก่อเหตุและถูกจำคุกคดีข่มขืนมาแล้ว เพิ่งพ้นโทษประมาณปลายปี 53 สารภาพเมายาบ้าและเหล้า เห็นเหยื่อใส่ชุดนักเรียนจึงเกิดอารมณ์จึงฉุดเข้าป่าขืนใจ แต่เหยื่อไม่ยอมจึงกระทืบหลายครั้งแล้วบีบคอ ข่มขืนจนตาย ก่อนที่จะราดน้ำมันจุดไฟเผา ตำรวจยกเลิกทำแผนหลังมีญาติและชาวบ้านนับหมื่นคนเฝ้าดูเหตุการณ์ หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์

 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม 2555 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ชำนาญ เครือบัว ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และตำรวจชุดคลี่คลายคดี เด็กนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ ซึ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ด้วยการข่มขืน และฆ่า จากนั้นได้ใช้น้ำมันเผาเพื่ออำพรางศพ

 

โดยตำรวจได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาคือ นายเต็ม เรืองเพ็ญ อายุ 29 ปี เลขที่ 35 หมู่ที่ 2 บ้านหนองแสง ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ไปแถลงคำสารภาพต่อหน้าสื่อมวลชน ภายหลังจากทำการขยายผลค้นหารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวป สีดำแดง หมายเลขทะเบียน ขคบ 874 กาฬสินธุ์ ของผู้ตาย ซึ่งได้นำเอาไปจำนำไว้กับนายชัชวารศ์ ธรรมศิลป์ อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ที่ 8 บ้านหนองแสง ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ และได้ทำการเร่งขยายผลพร้อมนำหมายศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เลขที่ 503 และเลขที่ 504 เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านพักในขณะที่นอนหลับอยู่

 

ทั้งนี้นายเต็ม เรืองเพ็ญ ผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่า ข่มขืน และเผา เด็กหญิงม.4 จริง ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 6 พ.ย. โดยก่อนเกิดเหตุตนดื่มสุราและเสพยาบ้าไป 2 เม็ด จากนั้นได้มาเที่ยวงานบุญกฐินในบ้านนาโก หมู่ที่ 3 ตำบลนาโก อำเภอกุฉินารายณ์ และได้พบผู้ตายที่บริเวณถนนระหว่าง อำเภอกุฉินารายณ์ไปอำเภอเขาวง ตรงบริเวณแยกบ้านนาโก ตำบลนาโก ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์สวมชุดนักเรียนมาคนเดียวจึงเกิดอารมณ์ พร้อมได้ตะโกนแซว ก่อนที่จะใช้อุบายหลอก ให้หยุดรถจักรยานยนต์ แล้วได้ทำการขู่บังคับและฉุดลากเข้าไปทำการข่มขืนบริเวณจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากผู้ตายไม่ยอมและต่อสู้ จึงได้ทำร้ายร่างกายโดยใช้เท้ากระทืบไปที่บริเวณท้องหลายครั้ง จนผู้ตายอ่อนแรง จากนั้นจึงถอดกางเกงในออกและข่มขืน แต่ระหว่างนั้นผู้ตายกับขึ้นมาและพยามต่อสู้ ตนจึงกระทืบซ้ำเข้าไปท้อง ต้นคอ อีกหลายครั้ง พร้อมกับใช้มือบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนที่จะใช้ขวดน้ำ ไปใส่น้ำมันที่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปราดและจุดไฟเผาร่างแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

 

ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า หลังจากหลบหนีไปแล้วจึงนำรถจักรยานยนต์ ไปจำนำ เป็นเงิน 4 พันบาทแล้วไปซื้อยาบ้าเสพ และไม่คิดว่าจะถูกจับ ทั้งนี้ผู้ต้องหายังบอกว่าไม่คิดที่จะหลบหนีเพราะภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ก็ยังไปรับจ้างเกี่ยวข้าวอยู่เลย

 

ด้าน พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ก่อนหน้าเมื่อปี 2549 หลังจากปลดประจำการจากทหารเกณฑ์ได้ไม่นาน ได้ก่อคดีข่มขืนหญิงอายุ 17 ปี และถูกศาลจำคุกและเพิ่งพื้นโทษมาเมื่อปี 2553 และได้กลับมาก่อคดีสะเทือนขวัญ ทั้งนี้ตำรวจได้แจ้งข้อหานายเต็ม เรืองเพ็ญ ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำชำเราผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลอบฝัง ซ่อนเร้นเผาทำลายศพ ส่วนนายชัชวาลค์ ธรรมศิลป์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหารับซื้อของโจรดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

 

ทั้งนี้หลังแถลงข่าวเสร็จตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้นำตัว ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณร่องน้ำป่าสาธารณชุมชนบ้านโนโก ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถลงรถทำแผนได้ เนื่องจากมีญาติและชาวบ้านกว่า 5 พันคน ที่ต่างพากันโกรธแค้นได้รอที่จะรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจจึงยกเลิกการทำแผนจึงได้นำตัวไปฝากขังที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป