เยาวราช ศูนย์กลางธุรกิจเก่าแก่ของกรุงเทพฯ เป็นแหล่งซื้อหาสินค้าตั้งแต่ทองคำ ไปจนถึงเครื่องอุปโภค-บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่มีชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นเจ้าของกิจการ จากได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไชน่าทาวน์" แห่งสยามเมืองยิ้ม



ผู้คนมากมาย หลากหน้าหลายตา ที่กำลังเดินฝ่าเปลวแดดอันร้อนแรง ในช่วงเที่ยงวัน ของวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจับจ่ายสิ่งของที่ต้องการอยู่สองข้างทางของถนนเยาวราช ต่างต้องตกอกตกใจ



เมื่อมีรถปิกอัพโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บย 9513 อุบลราชธานี เร่งเครื่องห้อตะบึง แซงซ้าย ป่ายขวา ทั้งที่รถราอื่นที่สัญจรอย่างหนาแน่น เพราะถนนเยาวราชขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางที่รถแออัดที่สุดของนครหลวง



ยังไม่ทันสิ้นเสียงสบถด่าของคนเดินเท้า รถคันดังกล่าวก็เสียหลักไปเฉี่ยวชนรถที่แล่นอยู่ข้างหน้าพังเสียหายไปหลายคัน



แต่ผู้ที่บังคับพวงมาลัยในรถดังกล่าว กลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมลดความเร็วลงแม้สักนิดเดียว



แล้วผู้คนก็เห็นภาพของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อีกคันหนึ่งที่มีตำรวจนายหนึ่งซ้อนท้ายอยู่ด้วย ซิ่งตะบึงตามรถปิกอัพนรกแตกไปติดๆ



เรียกว่าแทบจะหายใจรดต้นคอ



ทันใดนั้นตำรวจที่ซ้อนท้าย ก็ตัดสินใจลั่นไกปืนที่กระชับไว้ในมือ ยิงใส่รถปิกอัพไม่ยั้ง เพื่อสยบไว้ไม่ให้หนีต่อไปได้อีก



กระสุนปืนพุ่งเข้าเจาะตัวถังรถปิกอัพทุกนัดแม่นราวกับจับวาง



แล้วปิกอัพซิ่งนรก ก็เสียหลักพุ่งเข้าชนรถเข็นขายของข้างทาง ก่อนลากพาไปปะทะเข้ากับรถเบนซ์ รุ่นอี 300 สีดำ ทะเบียน สม 549 กทม. บริเวณปากซอยผดุงด้าว ข้างร้านห้างทองทองสุพรรณเยาวราช



สิ้นฤทธิ์ลงในที่สุด



พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระ จ่าง ผบช.น. พล.ต.ต. วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.รุ่ง โรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลา ไชย 2 พ.ต.ท.ฉัฐภูมิ ทะละวงศ์ พงส.ผนพ. รีบนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน รุดไปตรวจสอบทันทีที่ทราบเหตุ



เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับสภาพที่เกิดเหตุซึ่งต้องใช้คำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่า "วินาศสันตะโร"



ด.ต.มนู มั่นเลิศ ผบ.หมู่ป.สน.พลับพลาไชย 1 ซึ่งยืนถือปืนรออยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีบาดแผลถลอกที่ขาซ้าย รายงานว่าคนขับรถปิกอัพชื่อนายเกรียงไกร ชาวเมืองโขง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ต.ดอนตาล อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี โดนกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจไปก่อนหน้าแล้ว



เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบรถปิกอัพดังกล่าวมีรอยถูกยิงที่กระจกประตูหน้าซ้าย ฝากระบะท้าย และแค็บหลัง รวม 3 นัด



ภายในรถพบยาไอซ์น้ำหนัก 2 กรัม ตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน



ด.ต.มนูรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุพร้อมด้วย ด.ต.ไฉน บัวจำรัส เพื่อนตำรวจโรงพักเดียวกัน ขี่มอเตอร์ไซค์ตราโล่ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบตามปกติ



เมื่อผ่านบริเวณซอยยมราช พบรถปิกอัพคันดังกล่าวไม่ติดป้ายทะเบียนหลัง จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น โดยด.ต.ไฉนซึ่งซ้อนท้ายอยู่ ลงจากมอเตอร์ไซค์ เพื่อเข้าไปตรวจสอบ



แต่ปรากฏว่านายเกรียงไกรกลับเร่งเครื่อง บึ่งหนีเข้าถนนเยาวราช



ด.ต.มนูจึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไล่กวดติดตามไป แต่เมื่อถึงบริเวณปากซอยอิสรานุภาพ ใกล้วัดเล่งเน่ยยี่ ก็โดนนายเกรียงไกรขับรถเบียดจนเสียหลักล้มลง จนขาได้รับบาดเจ็บ



แต่ก็ยังกัดฟันกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ผ่านมา ไล่กวดติดตามไปติดๆ



ระหว่างทางก็เห็นคนร้ายไล่ชนรถคันอื่นดะไปหมด จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสกัด จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว



ต่อมา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์เปิดเผยหลังไปสอบปากคำผู้ต้องหาที่โรงพยาบาลตำรวจว่า นายเกรียงไกรอาการไม่สาหัสและฟื้นตัวดีแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้ปากคำได้ เนื่องจากยังเมายาระงับประสาทที่แพทย์ให้



จากการสอบประวัติอาชญากรรมพบว่า เคยถูกจับกุมมาแล้ว 3 คดี เป็นคดียาเสพติด 2 คดี ปี 2552 สภ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี จับกุมคดีครอบครองยาเสพติด และปีนี้เพิ่งถูก สภ.นาตาล จ.อุบลราชธานี จับกุมข้อหาเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังเคยถูกจับข้อหาลักลอบพาชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองด้วยอีก 1 คดี



เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย



คงต้องเข้าไปอยู่ในคุกอีกนาน เพราะล้วนแต่ข้อหาฉกรรจ์ทั้งนั้น