′ร.ฟ.ท.-บ.ข.ส.′เตรียมพร้อมบริการประชาชนกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้าน ′ขบ.′ประชุมร่วมขนส่งทั่วประเทศ สั่งจัดรถให้เพียงพอ พร้อมสำรองรถเสริมเผื่อคนไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ขณะที่′ กทพ.-ทล.′เปิดใช้ทางด่วน-มอเตอร์เวย์ฟรี 27 ธ.ค.-3 ม.ค.56
นักท่องเที่ยวยังคงเนืองแน่นตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ติดต่อกัน 3 วัน ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม โดยเฉพาะจังหวัดภาคเหนือ เพื่อไปสัมผัสอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ซึ่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ธันวาคม บนยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือที่ทางภาคเหนือเรียกว่า "เหมยขาบ" ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก "แม่คะนิ้ง" บริเวณริมสองข้างทาง กม.42-47 ซึ่งเป็นทางขึ้นหอดูดาวบนยอดดอยอินทนนท์ ถือเป็นเหมยขาบบนยอดดอยอินทนนท์ครั้งแรกของฤดูหนาวในปีนี้
นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ บริเวณริมสองข้างทาง กม.42-47 ที่เป็นทางขึ้นไปยังหอดูดาว ถือเป็นเหมยขาบบนยอดดอยครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รายงานว่า อุณหภูมิบนยอดหญ้าต่ำสุดบริเวณที่เกิด
เหมยขาบเช้านี้อยู่ที่ 1 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดบนยอดดอยอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส ที่เกิดเหมยขาบเช้านี้ เนื่องจากมีความหนาวเย็นต่อเนื่องและอากาศเปิด คาดการณ์ว่าหลายวันนี้มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเหมยขาบอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า อากาศจะยังเย็นลงต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า จากสภาพอากาศหนาวดังกล่าวส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมาบนยอดดอยอินทนนท์ช่วงนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 5,000 คน ในช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ขณะนี้ที่พักเต็มเกือบหมด คงเหลืออีก 20% เป็นเต็นท์ที่ยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาค้างแรมได้ สอบถามได้ที่สำนักงานอุทยานฯ เบอร์โทรศัพท์ 0-5328-6728
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวบนยอดดอยที่ภูทับเบิก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ก็คักคักไม่แพ้กัน โดยมีนักท่องเที่ยวนับหมื่นคนนำยานพาหนะส่วนตัวและรถตู้ขึ้นมาเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวเย็น และชมความงามของไร่กะหล่ำปลี จนสถานที่พักทั้งจุดกางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องน้ำ ห้องสุขา ไม่เพียงพอต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลีกไปปักหลักค้างคืนที่ลานกางเต็นท์ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งอยู่ห่างจากภูทับเบิกราวประมาณ 30 กิโลเมตร เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าภูทับเบิก ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวที่ภูหินร่องกล้าช่วงนี้หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายพันคน โดยสภาพอากาศบนภูหินร่องกล้าช่วงเช้าวันเดียวกันนี้อุณหภูมิต่ำสุด 15 องศาเซลเซียส ขณะที่ภูทับเบิกอยู่ที่ 8 องศาเซลเซียส
ด้านนายอิสระ บุญมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เผยว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นและทะเลหมอกบนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต.ห้วยมุ่น ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดใน จ.อุตรดิตถ์ โดยนักท่องเที่ยวนำเต็นท์ขึ้นไปกางนอนบนลานสน บางกลุ่มก็ก่อกองไฟนั่งผิง
ล่าสุดอุณหภูมิอยู่ที่ 15-16 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ทาง อบต.ห้วยมุ่น ได้จัดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯคอยอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่นายกฤษฎา หอมสุด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวในเขตมรดกโลกแห่งที่ 5 ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ว่า ห้วงเวลานี้ถือเป็นไฮซีซั่นเขาใหญ่ สภาพอากาศบริเวณยอดภูเขาเริ่มหนาวเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การท่องเที่ยวในป่าเขา ทำให้ยอดจองห้องพักของอุทยานฯเต็ม 100% คงเหลือเฉพาะจุดกางเต็นท์ที่ผากล้วยไม้ และลานลำตะคอง รองรับได้เต็มที่ ไม่เกิน 4 พันคน ทั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาเที่ยวเขาใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโซนยุโรป อเมริกา ไต้หวัน รัสเซีย และจีน โดยยอดเก็บค่าผ่านประตูในช่วงปีงบประมาณ 2554 สามารถเก็บได้ 56 ล้านบาท เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และแนวโน้มปีนี้มีโอกาสจะทำลายสถิติสูงมาก
ส่วนการบริการประชาชนในการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่จะถึงของหน่วยงานต่างๆ นั้น นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้เตรียมให้บริการประชาชนเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย และการให้บริการ
ผู้โดยสารตามระยะเวลาที่กำหนดให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันจะเพิ่มขบวนและตู้โดยสารให้เต็มศักยภาพที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ปัญหาของ ร.ฟ.ท.ในขณะนี้คือ หัวรถจักรไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องหาวิธีนำหัวรถจักรที่มีอยู่มาให้บริการได้ตรงเวลามากที่สุด เบื้องต้นจะหารือร่วมกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ ร.ฟ.ท.เพื่อกำหนดรูปแบบแนวทางการให้บริการที่ชัดเจนกับประชาชนอีกครั้ง
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบัน ร.ฟ.ท. ให้บริการประชาชน 250 ขบวนต่อวัน รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1 แสนคนต่อวัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ใช้บริการรถไฟฟรีประมาณ 60,000 คนต่อวัน และรถไฟเชิงพาณิชย์ ประมาณ 3.6 หมื่นคนต่อวัน โดยช่วงเทศกาลปีใหม่แต่ละปีจะเพิ่มตู้ได้สูงสุดเพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ประมาณ 1.5 แสนคนต่อวัน และไม่สามารถเพิ่มได้มากกว่านี้แล้ว เพราะมีข้อจำกัดเรื่องของหัวรถจักรที่มีอยู่ไม่มาก
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ปัจจุบัน บขส.มีรถให้บริการประชาชนประมาณ 3,000 คันต่อวัน แบ่งเป็นขาเข้าและออกจากกรุงเทพฯประมาณ 1,700-1,800 คันต่อวัน รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 5-6 หมื่นคนต่อวัน ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะเพิ่มจำนวนรถให้บริการอีกเท่าไหร่ จะต้องหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาตัวเลขคนเดินทางก่อน หลังจากนั้นจึงจะกำหนดตัวเลขที่ชัดเจนออกมาได้
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกได้ประชุมร่วมกับขนส่งทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจัดรถให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ซึ่งอาจจจะต้องมีรถเสริมหรือรถสำรองไว้เผื่อประชาชนที่ไม่ได้จองตั๋วในการเดินทางด้วย ขณะเดียวกันต้องคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น สถาบันอาชีวศึกษา ตั้งเต็นท์ตรวจสภาพรถให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาฟรี รวมถึงขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ ตั้งเต็นท์บริการตามจุดบนถนนหลัก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ.เตรียมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วยการยกเลิกค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วน 4) ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2555-3 มกราคม 2556 ซึ่ง กทพ.ได้ดำเนินการในช่วงดังกล่าวเป็นประจำทุกปี โดยจะมีพิธีเปิดโครงการในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับโรงพยาบาลคอยให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ใช้ทางพิเศษ และจัดเตรียมรถกู้ภัย รวมถึงตั้งจุดบริการประชาชนบนทางด่วน
นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทาง หลวง (ทล.) กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2555-3 มกราคม 2556 กรมทางหลวงจะเปิดให้ประชาชนใช้บริการทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ฟรีเช่นเดียวกัน และจะสั่งให้แขวงการทางทุกพื้นที่ระงับการก่อสร้าง และปรับปรุงถนนในทุกพื้นที่ไว้ก่อน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทาง รวมทั้งจะตั้งเต็นท์อำนวยความสะดวกประชาชน และเตรียมความพร้อมในการระบายการจราจรบนถนนที่มีปัญหาติดขัด เช่น ถนนสายที่มุ่งหน้าไปทาง จ.สระบุรี ซึ่งจะติดขัดเป็นประจำทุกปี ก็จะสลับช่องจราจรในช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 27 ธันวาคม ให้มีช่องทางสำหรับออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น ส่วนขากลับเข้ากรุงเทพฯก็จะทำในลักษณะเดียวกัน