สำหรับทีมชาติไทย "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามประกอบด้วย กวิน ธรรมสัจจานันท์, ภานุพงษ์ วงศ์ษา, ชลทิตย์ จันทคาม, ปิยพล บรรเทา, อนุชา กิจพงษ์ศรี, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, อดุล หละโสะ, จักรพันธ์ พรใส, ธีราทร บุญมาทัน, ดัสกร ทองเหลา และ ธีรศิลป์ แดงดา ส่วนเจ้าถิ่นไม่มี วัน แซ็ก และ โมฮาเหม็ด ชากีร์ ที่ไม่ผ่านความฟิต ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาฟี่ กองหน้าตัวเก่งมีชื่อเพียงตัวสำรองเท่านั้น

 

 เริ่มเกมครึ่งแรกมาเลเซียที่ได้เปรียบเสียงเชียร์เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่ไทยทันที ขณะที่ขุนพลทีมชาติไทยยังตั้งเกมไม่ติดเนื่องจากสภาพสนามที่ค่อนข้างลื่นเนื่องจากมีฝนตกก่อนเกมหลายชั่วโมงต้องใช้การโยนบอลยาวจากหลังไปข้างหน้าและมักจะเสียบอลบ่อยครั้ง 

 

 กระทั่งนาทีที่ 12 ไทยน่าได้ประตูขึ้นนำจากการยิงไกลของ อดุล แต่ว่าผุ้รักษาประตูมาเลเซียพุ่งปัดปลายมือออกหลังได้ทัน

 

 เกมผ่าน 20 นาทีแรกเกมทั้งสองทีมเริ่มไหลลื่นมากขึ้นโดยเฉพาะทีมไทยที่ต่อบอลได้ดีขึ้น นาที 26 โมฮาหมัด บันยามิน บิน อูมาร์ โดนใบเหลืองคนแรกจาการทำฟาวล์ จักรพันธ์ ถัดมานาทีเดียว พิชิตพงษ์ ได้โอกาสซัดไกลบอลเฉี่ยวหน้าปากประตูออกหลังไปนิดเดียว นาที 37 ธีราทร บุญมาทัน ต้องโดนใบเหลืองเมื่อผู้ช่วยผู้ตัดสินฟ้องว่าทำฟาวล์ด้วยการดึงนอร์ชารุล ตาลาฮานอกกรอบเขตโทษ อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่เหลือแม้ทั้งสองทีมจะเปิดเกมเข้าใส่กันแต่ทำอะไรไม่ได้จบครึ่งยัง 0-0

 

 ครึ่งหลังนาที 49 แฟนบอลมาเลเซีย เต็มความจุสนามได้เฮกันก่อนจากการกระชากถึงริมเส้นด้านขวาของ มาฮัลลี บิน จาซูลี่ ก่อนเปิดไปหน้าปากประตูให้ นอร์ชาร์บุล บิน ตาลาฮา พุ่งโหม่งเปลี่ยนทางเสียบประตูมาเลเซียขึ้นนำ 1-0

 

 นาที 52 ไทยปรับแผนทันดีด้วยการถอด ธีราทร ออกแล้วส่ง สมปอง สอเหลบ ลงเล่นแทนเพื่อเติมเกมรุก เข้าสู่นาทีที่ 60 ของการแข่งขันไทยเริ่มครองบอลบุกได้มากขึ้นแต่ว่ายังจบสกอร์ไม่ได้จนต้องเปลี่ยนตัวผุ้เล่นคนที่สองของเกมด้วยการถอด อดุล ออกแล้วส่ง อภิภู สุนทรพนาเวศ ลงไปเล่นแทน นาที 63 ไทยหวุดเสียประตูที่สองเมื่อ ซาฟิก ราฮิม ได้จังหวะกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าปากประตูกวิน รับบอลไม่ดีปลิ้นผ่านหน้าปากประตูโชคดีที่ไม่มีผู้เล่นมาเลเซียตามซ้ำ

 

 หลังจากนั้นมาเลเซียหันมาเน้นเกมรับให้เหนียวแน่นเปิดโอกาสให้ไทยทำเกมบุกเข้าใส่มากขึ้น กระทั่งนาที 76 ไทยที่ครองเกมได้มากกวแต่ยังจบสกอร์ไม่ได้ต้องเสี่ยงส่งกองหน้าอย่าง กีรติ เขียวสมบัติ ลงสนามอีกคนแทนที่ ดัสกร ทองเหลา จนนาที 79 ทีมไทยได้เฮจนได้จากการเปิดของ ปิยพล บรรเทา เปิดเข้ากลางให้ ธีรศิลป์ แดงดา ขึ้นโหม่งเต็มหัวเสียบสามเหลี่ยมให้ไทยตามตีเสมอสำเร็จ 1-1

 

 นาที 81 สถานการณ์ของไทยเริ่มไม่ดีเมื่อ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ไม่พอใจการตัดสินของ ตอร์กี โมเชน ราเมซาลานี่ ชาวอิหร่านเป็นเหตุให้โดนเชิญขึ้นอัฒจันทร์ อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่เหลือไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบเกมมาเลเซียเสมอไทย 1-1 

 

 หลังเกมการแข่งขัน “วินนี่” วินฟรีด เชเฟอร์ นายใหญ่ ทีมชาติไทย ยังเชื่อมั่นว่า ทีมชาติไทย จะเข้าชิงชนะเลิศแม้เกมแรกจะได้แค่ผลเสมอพร้อมหยันแฟนเจ้าถิ่น 8 หมื่นคนแค่ขำๆ

 

 “เกมครึ่งแรกไม่ใช่ของเราเลย เราเสียบอลกันง่ายและบอลยาวของมาเลเซียส่งผลต่อเรามาก เช่นเดียวกับแฟนบอลร่วม 8 หมื่นคนที่พยายามกดดันเราตลอด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ นัดที่สองในอีก 3 วันข้างหน้า เราจะกลับไปเตรียมทีมให้พร้อมที่สุดและมั่นใจว่าจะเข้าชิงชนะเลิศได้อย่างแน่นอน”

 

 ขณะที่ ภานุพงษ์ วงศ์ษา กัปตันทีมชาติไทย กล่าวว่า “เป็นเกมที่หนักเหมือนกัน การมาเยือนที่บ้านมาเลเซียมีความกดดันมหาศาล อย่างไรก็ตามผลเสมอ 1-1 ถือว่าน่าพอใจโดยเฉพาะการได้อะเวย์โกลที่ต้องการ ส่วนเกมนัดสองอยากให้แฟนบอลเข้ามาชมเกมให้แน่นจนเต็มความจุสนามศุภชลาศัย”

 

 ส่วน “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ผู้ทำประตูตีเสมอให้ ไทย กล่าวว่า “วันนี้เราเล่นได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่แย่จนเกินไป ผลเสมอ 1-1 ทำให้เรากลับไปเล่นในบ้านด้วยความมั่นใจ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเกมนัดสองคือการนับหนึ่งใหม่และเราต้องเล่นเพื่อชัยชนะ”

 

 สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 10 ธันวาคม สายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 416 ถึงประเทศไทยเวลา 14.10 น. โดยมีโปรแกรมเจอกับ มาเลเซีย ในนัดที่สอง วันที่ 13 ธันวาคม ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 19.00 น. บัตรจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ www.thaiticketmajor.com

 

 ทั้งนี้มีรายงานว่าแฟนบอลไทยรายหนึ่งถูกแฟนบอลมาเลเซียจุดพลุจากบนอัฒจรรย์ลงมาถูกแฟนบอลไทยระหว่างเกมการแข่งขัน แต่ล่าสุดอาการปลอดภัย