เมื่อเย็นวันนี้ ( 7 ธ.ค.) ร.ต.อ.ศักดิพัฒน์ บัวตูม ร้อยเวร สน.บางโพ รับแจ้งเหตุนักเรียนตีกันในวัดสร้อยทอง ถนนประชาราษฎร์สาย1 แขวงและเขตบางซื่อ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก. พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส. กำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พบนักเรียนโรงเรียนช่างกลชื่อดัง และนักเรียนโรงเรียนก่อสร้างชื่อดังทั้งสองสถาบันอยู่ย่านบางซื่อ กำลังยกพวกตะลุมบอนกันชุลมุน พอเห็นตำรวจต่างพากันวิ่งหลบหนี ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนักเรียนทั้งสองสถาบันเอาไว้ได้รวมทั้งหมด 11 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนก่อสร้างแห่งหนึ่ง 7 คน และนักเรียนช่างกลแห่งหนึ่งอีก 4 คน พร้อมยึดอาวุธมีดได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายเป็นนักเรียนช่างกล 6 ราย ถูกยิงที่หลัง 1 ราย ถูกยิงที่ขา 1 ราย ถูกฟันที่แขน 1 ราย นำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น และถูกฟันที่ข้อมือซ้ายเกือบขาดอีก 1 ราย ถูกฟันที่หลัง 1 ราย และได้รับบาดเจ็บถูกชกต่อยอีก 1 ราย นำตัวส่ง รพ.บางโพ ทั้งหมดยังไม่ทราบชื่อ ส่วนนักเรียนโรงเรียนก่อสร้างได้รับบาดเจ็บ 1 รายคือ นายพล (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ถูกฟันที่ศีรษะเปิดจนเห็นกะโหลก ที่แขนซ้ายลึกถึงกระดูก และที่นิ้วโป้งมือซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส นำตัวส่ง รพ.วชิรพยาบาล ก่อนควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดไปสอบสวนที่ สน.บางโพ
จากการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายยังคงให้การปฏิเสธที่เป็นกลุ่มลงมือก่อเหตุก่อน โดยนักเรียนโรงเรียนก่อสร้างดังกล่าว ให้การว่า ขณะยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าวัดสร้อยทอง จากนั้นมีมีนักเรียนช่างกลที่อยู่ละแวกเดียวกัน ขี่รถจักรยานยนต์มาก่อนที่จะลงมือทำร้าย ไล่ฟันเข้าไปในวัดสร้อยทอง จึงใช้อาวุธปืนปากกาที่พกมายิงตอบโต้ไป และเกิดการตะลุมบอนกัน พวกตนมีน้อยกว่าจึงพากันหนีไปคนละทิศละทาง ซึ่งนายพล วิ่งหนีไปหลบที่ท่าเรือแต่หนีไม่พ้นเลยถูกฟันที่ศีรษะและแขนบาดเจ็บสาหัสล้มลงไปนอนจมกองเลือด ไม่นานตำรวจก็มาจับ ส่วนปืนปากกาพอเห็นตำรวจมาได้โยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ
ส่วนนักเรียนช่างกลให้การว่า ขี่รถจักรยานยนต์มา 3 คัน เพื่อจะกลับบ้าน พอผ่านมาถึงหน้าตลาดเขมาเห็นกลุ่มนักเรียนก่อสร้างคู่อริอยู่ที่ป้ายรถเมล์ได้ใช้ปืนปากกายิงใส่ก่อน จึงจอดรถวิ่งไปไล่ฟันฝ่ายตรงข้ามจนเข้าไปในวัดสร้อยทอง จากนั้นเกิดตะลุมบอนกันมั่วไม่รู้ว่าใครเป็นใครจนมีคนบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับฝ่ายใด โดยจะต้องรอสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้ได้ชัดเจนก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป