เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 30 พ.ย. พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สั่งการให้พ.ต.ต.วินิจ แก้วมณี สว.สส.สภ.รือเสาะ นำกำลังเข้าควบคุมตัวนายมะไซดี ยะกูมอ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.5 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.รือเสาะ 4 คดี คือ 1.คดีถล่ม อส.อารมณ์ โยธาทิพย์ ประจำที่ว่าการ อ.รือเสาะ และนายพบ ทองแก้ว อดีตทหารพรานเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดหน้าบ้านเลขที่ 54/2 ม.2ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 54 ที่ผ่านมา 2.คดียิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารร้อย ร.15123 ฉก.นราธิวาส 30 ตั้งอยู่ใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ค.
3.คดียิง ส.ต.อ.ปรีชา สมันไหม อายุ 40 ปี ครู ตชด.โรงเรียนบ้านละโอ ม.2 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เสียชีวิตคารถยนต์กระบะเมื่อวันที่ 21 ต.ค. เหตุเกิดบ้านยาแลเบาะ ม.5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ 4.คดีวางระเบิดรถไฟขบวนที่ 453 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟ จ.ยะลา จรดปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1075 สถานีรถไฟสโลว์บูกิ๊ตยือแร ม.9 ต.รือเสาะ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย โดยนายมะไซดี ยะกูมอ ทำหน้าที่ขี่รถ จยย.นำมือระเบิดหลบหนีหลังก่อเหตุสำเร็จ ซึ่งการควบคุมตัวนายมะไซดีได้ในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และนายมะไซดี ได้ขี่รถ จยย.ผ่านจุดตรวจโดยแสดงอาการมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้นและพบว่ามีหมายจับหลายคดี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มารับตัวไปสอบสวน
เบื้องต้นนายมะไซดีรับสารภาพว่า ภาพในหมายจับเป็นตนจริง แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับคดีความมั่นคงทั้ง 4 คดีและได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีประจักษ์พยานหลักฐาน และเป็นกลุ่มบุคคลที่สามารถยืนยันถึงผู้ต้องหาที่กระทำผิดในคดีต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณแขนซ้ายมีร่องรอยเป็นแผลเป็นซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ร่วมกับพวกบุกโจมตีฐานทหารร้อย ร.15123 ฉก.นราธิวาส 30 เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค.
วันเดียวกัน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ถึงการเดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ให้ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจเนื่องจากมีความห่วงใยพี่น้องครูในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตครู และขวัญกำลังใจ ที่สำคัญการลงพื้นที่ในวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่ากำชำ จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต กระทบกับการปิดโรงเรียนใน จ.ปัตตานี จำนวน 322 แห่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ โดยได้พบกับ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 10 ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด และนายอำเภอ เพื่อหารือแนวทางแก้ไข
นายเสริมศักดิ์กล่าวต่อว่า เหตุที่โรงเรียนปิดเพราะเราจะปรับมาตรการเสริมให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยเน้นครูที่เป็นไทยพุทธ และเน้นเรื่องของเวลาไป-กลับ ให้ยืดหยุ่นได้ ซึ่งทางทหารก็รับไปปรับแผนเพื่อให้เกิดความมั่นใจ และในวันที่ 3 ธ.ค.นี้โรงเรียนที่ปิดอยู่จะเปิดทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องสวัสดิการขวัญกำลังใจที่มากกว่าเป็นพิเศษให้กับครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยจาก 2,500 บาท ที่ครูอยากได้ 3,500 บาท ส่วนลูกจ้างชั่วคราว และครูสอนศาสนาที่มีกว่า 2 หมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยได้เบี้ยเสี่ยงภัยก็อยากจะได้ รวมถึงการลดภาษีเงินได้นั้น ตนจะเร่งนำเข้าตามขั้นตอนเพื่อเร่งให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตัวแทนจากสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้าพบผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดูแลความปลอดภัยของครู และขวัญกำลังใจต่างๆ โดยได้บอกกับผู้แทนครูว่านายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงในเรื่องของสวัสดิภาพของครูเป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจดีว่าครูในพื้นที่เป็นผู้เสียสละ ที่ผ่านมามีครูเสียชีวิตแล้วนับร้อยราย ซึ่งทุกวันที่ครูไปทำงานมีความเสี่ยงตลอดเวลา อย่างรายล่าสุดเหตุเกิดขึ้นห่างจากโรงเรียนไม่มาก หลังจากการพูดคุยครูก็มีความมั่นใจมากขึ้น โรงเรียนที่ปิดใน จ.ปัตตานี ก็จะเปิดทั้งหมด
ทั้งนี้ ตนได้รับปากเรื่องที่ค้างคาอยู่ว่าจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รีบดำเนินการ และจะเร่งรัดติดตามให้เร็วขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนจะมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 ธ.ค.ตนและนายเสริมศักดิ์ จะลงพื้นที่ไปพบครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้กำลังใจด้วย