โรงพยาบาลผีสิง

 

 

 

 

 

โรงพยาบาลผีสิง

 

“มัจจุราชสีขาว” ภัยมืดที่วงการแพทย์ในสมัยต้นศตวรรษที่ 20 ยังไม่รู้วิธีรักษาได้สังหารชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก รัฐบาลลงทุนสร้างโรงพยาบาลเพื่อหาวิธีรักษาโรคร้ายนี้โดยเฉพาะแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ วิธีรักษาแหวกแนวพิสดารทำให้หลายพันชีวิตตกเป็นเหยื่อมากพอๆกับตัวโรคร้าย แต่วิญญาณพวกเขายังคงวนเวียนอยู่ภายในโรงพยาบาล

                    



             สถานพยาบาลเวเวอร์ลีย์ฮิลส์ (Waverly Hills Sanatorium) ตั้งอยู่บนเนินเขาชายเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี สถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยถูกใช้เป็นสถานกักกันและรักษาผู้ป่วยวัณโรค หรือที่คนในยุคนั้นเรียกว่า “มัจจุราชสีขาว” (White Death) การรักษาเป็นไปตามความเชื่อของแพทย์ในสมัยนั้นซึ่งทารุนโหดร้ายจนคนไข้เสียชีวิจเพราะการรักษามากพอๆกับเสียชีวิตเพราะโรคร้าย

             ต่อมาในปี 1962 มันถูกเปลี่ยนเป็นสถานพยาบาลผู้ป่วยโรคชรา แต่วิธีการรักษายังคงมาตรฐานความโหดเอาไว้จนในที่สุดในปี 1980 รัฐบาลต้องสั่งปิดสถานพยาบาลแห่งนี้ลงอย่างถาวรเพราะรับไม่ได้กับวิธีการรักษาอย่างไม่เหมาะสม

ไกลปืนเที่ยง

             คฤหาสน์เวเวอร์ลีย์ฮิลส์ถูกสร้างขึ้นในปี 1883 โดยพันเอกโทมัส เฮส์ (Thomas Hays) เนื่องจากมันอยู่ห่างไกลชุมชน ไม่สะดวกในการเดินทางสัญจร โทมัสจึงไม่ได้ส่งลูกสาวเข้าเรียนในโรงเรียนในเมือง แต่เขาได้ต่อเติมห้องขนาดใหญ่แล้วว่าจ้าง ลิซี่ แฮร์รีส เป็นครูมาสอนที่บ้าน ซึ่งลิซี่หลงใหลนวนิยายเรื่องเวเวอร์ลีย์ (Waverley Novel) เธอจึงเรียกโรงเรียนส่วนบุคคลนี้ว่าโรงเรียนเวเวอร์ลีย์

             โทมัสชอบชื่อนี้ ประกอบกับคฤหาสน์สร้างอยู่บนเนินเขา โทมัสจึงตั้งชื่อคฤหาสน์ว่าเวเวอร์ลีย์ฮิลส์ แต่ต่อมาภายหลังมีคนสะกดชื่อผิดจากคำว่า Waverley เป็น Waverly เราจึงเห็นชื่อในภาษาอังกฤษสะกดทั้งสองแบบ

              ปี 1906 เกิดการแพร่ระบาดของวัณโรค รัฐบาลจึงออกกฎหมายเวนคืนที่ดินเพื่อใช้เวเวอร์ลีย์ฮิลส์เป็นสถานกักกันและรักษาผู้ป่วยวัณโรค เนื่องจากเวเวอร์ลีย์ฮิลส์อยู่ห่างไกลจากชุมชนและอีกทั้งยังตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นที่โล่ง อยู่ใกล้ป่าและมีอากาสบริสุทธิ์ เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยตามความเชื่อของแพทย์ในยุคนั้น

                           



              ผู้ป่วยวัณโรครายแรกถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในปี 1907 ระหว่างนั้นคฤหาสน์เวเวอร์ลีย์ฮิลส์ก็กำลังถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพให้เป็นโรงพยาบาลก่อนที่มันจะถูกเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 1910 มันสามารถให้บริการผู้ป่วยได้ 40 คน แต่ผู้ป่วยได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนสถานที่คับแคบไม่สามารถรองรับผู้ป่วยทั้งหมดได้ รัฐบาลจึงได้ออกพันธบัตรในปี 1923 เพื่อหาทุนขยายโรงพยาบาล

สายลม แสงแดด

             แพทย์สมัยนั้นเชื่อว่าการรักษาวัณโรคทำได้โดยการให้ผู้ป่วยได้รับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์ในปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น อาคาร 5 ชั้นหลังใหม่มีห้องผู้ป่วย 400 ห้องงถูกออกแบบให้เป็นทรงโปร่งมีหน้าต่างโดยรอบและหน้าต่างแต่ละบานจะไม่สามารถปิดได้เพื่อให้แสงแดดสามารถส่องเข้าถึงได้มากและอากาศถ่ายเทตลอดเวลา จะมีแต่เพียงหน้าต่างมุ้งลวดเพื่อกันแมลงเท่านั้น

                     



             ระเบียงทางเดินทอดยาวตลอดตัวอาคารเพื่อให้แพทย์สามารถเดินเข้าถึงห้องคนไข้ทั้งสองฝั่งได้โดยสะดวก กลางอาคารเป็นห้องโถงขนาดใหญ่กั้นอาคารออกเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งเป็นห้องคนป่วยขนาดใหญ่สำหรับผู้ป่วยระยะต้น อีกด้านหนึ่งเป็นห้องขนาดเล็กลักษณะทึบสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายหมดทางเยียวยา

                        



             ผู้ป่วยจะได้รับผ้านวมเพิ่มในฤดูหนาวเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ปิดหน้าต่างไม่ได้เพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลาเนื่องจากเป็นความเชื่อว่าอากาศบริสุทธิ์จะสามารถรักษาวัณโรคได้ หากผู้ป่วยคนใดอาการทรุดลงพวกเขาจะถูกย้ายไปห้องเล็กในอีกฝั่งของตัวอาคารทันทีและถูกปล่อยให้เสียชีวิตลงตามลำพัง

                       


             นอกจากนี้แล้วอาคารยังถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ แผนกผู้ป่วยผิวขาว แผนกผู้ป่วยผิวสี และแผนกผู้ป่วยเด็ก แผนกผู้ป่วยผิวสีมีห้องขนาดเล็กกว่าและมีอุปกรณ์ต่างๆน้อยกว่าห้องผู้ป่วยผิวขาว ส่วนแผนกผู้ป่วยเด็กจะมีชั้นเรียนเพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสือและมีห้องสันทนาการให้เด็กได้เล่นพักผ่อน

 

Credit: http://www.mythland.org/v3/thread-4835-1-1.html
29 พ.ย. 55 เวลา 16:04 4,451 1 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...