เคราะห์ซ้ำ! หญิงบังคลาเทศถูกจับแต่งงานอีก กับอดีตสามีที่สาดกรดใส่หน้า

 

 

 

 

 

เคราะห์ซ้ำ! หญิงบังคลาเทศถูกจับแต่งงานอีก กับอดีตสามีที่สาดกรดใส่หน้า

 

 เว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ถึงความเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของหญิงชาวบังคลาเทศวัย 36 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพใบหน้าถูกน้ำกรดกัดกร่อนทำลายจนผิวเป็นรอยแผลยับย่น ทั้งยังทำลายดวงตาทั้งสองข้างจนบอดสนิท เธอถูกบังคับให้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับชายผู้เป็นอดีตสามี และเป็นคนเดียวกับที่สาดน้ำกรดใส่หน้าเธอจนมีสภาพเช่นในปัจจุบัน 

          เหตุการณ์สาดน้ำกรดเกิดขึ้นเมื่อ เนอร์บานู หญิงผู้เคราะห์ร้ายจากเมืองสัตกีราคนนี้ ขอหย่ากับสามีที่อยู่กินด้วยกันมานานถึง 18 ปี หลังพบว่าเขานอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น แต่ภายหลังการหย่าเพียง 8 วัน ขณะที่เธอกำลังทำครัวอยู่ สามีของเธอกับเพื่อนอีก 2 คนก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาที่หน้าบ้าน เขาเดินเข้ามาหาเธอในครัวและซ่อนมือเอาไว้เบื้องหลัง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ก็ถูกน้ำกรดที่แสบร้อนสาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ก่อนที่สามีของเธอจะหลบหนีไป 

          สามีมือน้ำกรดหลบหนีอยู่เป็นเวลา 10 เดือน จึงถูกจับกุมได้ และศาลลงโทษจำคุกเขา แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าเขาถูกตัดสินให้จองจำเป็นเวลานานเท่าไร ทราบแต่ว่าหลังจากจำคุกได้เพียง 1 ปี เขาก็ได้รับการปล่อยตัวเนื่องด้วยมีจดหมายร้องขอความเมตตาต่อศาล และที่ท้ายจดหมายมีลายเซ็นของเนอร์บานูลงชื่อกำกับเอาไว้!

          ทว่าความเป็นจริง เนอร์บานู ไม่เคยมีความตั้งใจจะให้อดีตสามีได้รับการปล่อยตัวเลย แต่เธอถูกแม่ของอดีตสามีบังคับให้ทำอย่างนั้น โดยอ้างให้เธอทำเพื่อลูก และให้เธอลงชื่อท้ายจดหมายเพื่อมันจะได้มีน้ำหนักมากเพียงพอที่ศาลจะพิจารณาปล่อยตัวชายคนนี้ออกมา ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เธอยังถูกบังคับให้แต่งงานใหม่อีกครั้ง กับสามีอำมหิตที่สาดน้ำกรดใส่หน้า และทำให้เธอสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไปด้วย

          "จนตอนนี้เขาก็ยังตบตีทำร้ายร่างกายฉันอยู่แทบทุกวัน" นางเนอร์บานูกล่าว 

          เนอร์บานู เป็นเพียงหนึ่งในหญิงซึ่งตกเป็นเหยื่อน้ำกรดกว่าพันคนทั่วประเทศบังคลาเทศ ในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดเรื่องป่าเถื่อนดังกล่าว มักมาจากความขัดแย้งด้านการเงิน การปฏิเสธการแต่งงาน และปัญหาระหว่างสามีภรรยา 

          นางโมนิรา ราห์มัน ผู้บริหารองค์กรเหยื่อผู้รอดชีวิตจากน้ำกรด (Acid Survivors'' Foundation, ASF) ในประเทศบังคลาเทศ กล่าวว่า ปัญหาของที่นี่เกิดเนื่องจากสังคมแบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งให้ค่าผู้หญิงเป็นเพียงสมบัติชิ้นหนึ่ง และผู้ชายสามารถตัดสินหรือทำเช่นไรกับเธอก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยความร่วมมือจากรัฐบาล องค์กรเพื่อการกุศล ผู้บริจาค และองค์กรเพื่อการพัฒนาจากนานาประเทศ ที่เร่งรณรงค์และปกป้องสิทธิของผู้หญิง ทำให้จำนวนเหยื่อน้ำกรดในปี 2011 มีจำนวนลดลงบ้างแล้ว กล่าวคือมีจำนวน 111 ราย เมื่อเทียบกับเหยื่อถึง 500 รายในปี 2002 

          ทางเดียวที่จะกำจัดปัญหานี้ให้หมดไปได้ คือการให้การศึกษาและมอบพลังให้กับผู้หญิง ให้เธอสามารถยืนหยัดได้โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายชาย และยกระดับสังคมให้ตระหนักถึงสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างทั้งสองเพศ 

          ทั้งนี้ เหยื่อน้ำกรดที่รอดชีวิตมาส่วนใหญ่ หากไม่สูญเสียอวัยวะสำคัญไป ก็มักจะกลายเป็นหญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ มีรอยแผลน่าเกลียดอยู่บนใบหน้า พวกเธอแทบไม่มีโอกาสที่จะได้งานทำ หากเป็นหญิงที่ยังโสดก็หมดความหวังที่จะได้แต่งงาน นอกจากนี้บางรายก็ยังถูกขับไสไล่ส่ง ไม่เป็นที่ต้อนรับจากคนในสังคมด้วย

 

Credit: http://www.babnee.com/knowledge-cat3.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...