เชฟทีมชาติไทย นำ 7 เมนูสุดยอดอาหารไทย คว้า”เหรียญเงิน”แข่งทำอาหารที่เซี่ยงไฮ้ ส้มตำกุ้งย่าง – ลาบซีฟู้ด-ต้มข่าไก่ – แกงฮังเล – ห่อหมกกับซอสต้มยำ – กระเพราแกะ - ผัดไทย
…………………………………………..
นายวิวเมนต์ ลีออง ประธานผู้ก่อตั้งไทยแลนด์ คัลลินารี อคาเดมี เปิดเผยว่า ได้นำเชฟทีมชาติไทยในนาม"ไทยแลนด์ คัลลินารี อคาเดมี"4 คน ไปเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารในรายการ Gourmet Team Challenge (Practical) ในงาน ” FHC China International Culinary Arts Competition ครั้งที่ 14 ”ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2555 โดยมีประเทศในเอเซียเข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ จีน,ฮ่องกง ,ไต้หวัน สิงคโปร์ และไทย ผลการแข่งขัน ทีมตัวแทนเชฟเยาวชนของประเทศไทยได้รับรางวัลที่ 2 เป็นเหรียญเงิน จากการแข่งขันดังกล่าว โดยมีสิงคโปร์ ตามมาเป็นอันดับที่ 3 อันดับ 4 ไต้หวัน และอันดับ 5 ทีมจากเซี่ยงไฮ้
“ที่สำคัญสิ่งที่น่าภูมิใจคือ เรานำอาหารไทยทั้งหมดไปเข้าร่วมการแข่งขัน เป็นวัตถุดิบไทยล้วน ๆ ขณะที่ประเทศอื่นใช้อาหารตะวันตกทั้งหมดเข้าแข่งขัน”นายวิวเมนต์กล่าว
นายจารึก ศรีอรุณ อาจาย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ในฐานะผู้ควบคุมทีม กล่าวว่า รายการที่แข่งเป็นรายการแข่งแบบ free style ทำให้เชฟวิวเมนต์ ลีออง ประธานผู้ก่อตั้งไทยแลนด์ คัลลินารี อคาเดมี เห็นว่าในการแข่งขันโอลิมปิกที่เยอรมันประเทศไทยได้มีนำอาหารไทยไปประยุกต์เข้าร่วมการแข่งขัน และอาหารไทยถือเป็นอาหารที่ทั่วโลกรู้จักและมีชื่อเสียง จึงได้วางแผนตัดสินใจร่วมกันที่จะใช้เมนูอาหารไทยทั้งหมดไปเข้าร่วมการแข่งขัน และสามารถคว้ารางวัลมาให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงฝีมือเชฟไทย และอาหารไทยที่อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก
ประกอบด้วยอาหารไทย 7 อย่าง ได้แก่ 1.ส้มตำกุ้งย่าง 2.ลาบซีฟู้ด 3. ต้มข่าไก่ 4.แกงฮังเล 5.ห่อหมกกับซอสต้มยำ 6.กระเพราแกะ 7.ผัดไทย โดยการแข่งขันมีเวลา 3 ชั่วโมง เชฟ 3 คนที่เข้าแข่งขันต้องทำอาหาร 7 อย่าง อย่างละ 21 จานให้กรรมการได้ชิม เช่น ส้มตำ 21 จาน ,ลาบ 21 จาน รวมทั้งหมด 147 จาน
“การแข่งขันครั้งนี้ ค่อนข้างมีอุปสรรคพอสมควรในเรื่องวัตถุดิบอาหารไทย หาได้ค่อนข้างยากในตลาดเซี่ยงไฮ้ แต่เราสู้เต็มที่ มีการดัดแปลงบางตัวบ้างตามวัตถุดิบที่เราจะหาได้ แต่ด้วยกรรมการส่วนใหญ่ที่ชิมและตัดสินเป็นชาวเอเชีย ซึ่งคิดว่าทุกคนรู้จักอาหารไทยดีอยู่แล้วว่า เป็นสุดยอดอาหารที่ติดอันดับโลกที่รู้จักกันว่า อร่อยทำให้เราชนะที่ 2 ได้เหรียญเงินมาครอง”นายจารึกกล่าว
นายวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ หัวหน้าทีม กล่าวว่า ประเทศฮ่องกงชนะทีมจากประเทศไทยเพียง 3.7 คะแนน คิดว่า การที่ทีมเชฟจากฮ่องกงชนะไทยตรงที่ประสบการณ์ เพราะว่าทีมฮ่องกงมีเชฟมืออาชีพที่ผ่านประสบการณ์ทำงานมาหลายปี ผ่านการแข่งขันมาหลายสนาม ขณะที่จุดอ่อนของทีมไทยมีก็คงเป็นเรื่องประสบการณ์ แต่ได้พยายามสู้กันเต็มที่แล้ว
“ที่ผ่านมาทางไทยแลนด์ คัลลินารียังขาดผู้สนับสนุนด้านเงินทุน หลายครั้งเชฟวิวเมนต์ต้องควักเงินส่วนตัวจ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าตั๋วเครื่องบินให้พวกเราไปแข่งขัน แต่ละปีเราเดินทางไปแข่งขันหลายที่งยประมาณที่มีจำกัด ทำให้ต้องจัดเงินให้เพียงพอ ทำให้เรามีเวลาฝึกซ้อมน้อย เพราะการฝึกซ้อมแต่ละครั้งค่าวัตถุดิบต้องใช้จ่ายเยอะ น้องนักศึกษา 2 คนในทีมยังค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ ถ้าเที่ยบกับมืออาชีพอย่างฮ่องกง เราถือเป็นทีมที่มีอายุค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทีมอื่น แต่เชฟวิวเมนต์ และอาจารย์จารึกก็มั่นใจว่า พวกเราสามารถทำได้ โดยเฉพาะการนำอาหารไทย ซึ่งทั่วโลกรู้จักดีว่ารสชาติกลมกล่อมอร่อยไปเข้าร่วมการแข่งขัน”นายวัฒนศักดิ์กล่าว
สำหรับเชฟที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันประเภททีม 3 คน ประกอบด้วย นายวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตไปไม่นาน ปัจจุบันเป็นเชฟใหญ่อยู่ที่ Divine Restaurant เป็นหัวหน้าทีมไปแข่งขัน ,นายทีปนนท์ พงศ์ทอง นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชุฏสวนดุสิต , นายณัฐวุฒิ พรมจันทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยดุสิตธานี โดยมีนายจารึก ศรีอรุณ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นผู้ควบคุมทีม
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เชฟทีมชาติไทยในนาม”ไทยแลนด์ คัลลินารี อคาเดมี” (Thailand Culinary Academy ) ได้ไปแข่งขันโอลิมปิกด้านอาหารในรายการ IKA Culinary Olympic 2012 ณ เมืองแอร์ฟูร์ท (Erfurt) ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 5-10 ตุลาคม 2555 และคว้า 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่มีการจัดส่งเชฟระดับเยาวชนไปเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกด้านอาหาร ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี เหมือนกับการแข่งขันโอลิมปิกด้านกีฬา และจัดมานานกว่า 112 ปี แล้ว ทั้งนี้ มีเชฟจากทั่วโลกกว่า 50 ประเทศเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขัน