สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากฉนวนกาซา ดินแดนปาเลสไตน์ ถึงความคืบหน้าล่าสุดของเหตุโจมตีรุนแรงทางอากาศระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ว่า กลุ่มกบฏฮามาสยิงจรวดข้ามพรมแดนตกลงใกล้กับกรุงเทล อาวิฟ เมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่อิสราเอลประกาศเตรียมใช้กองกำลังภาคพื้นดิน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 19 ศพแล้ว

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ประกาศเดินหน้าปฏิบัติการ “พิลลาร์ ออฟ ดีเฟนซ์” ( Pillar of Defence ) อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกล่าวว่า อิสราเอลจะทำทุกวิถีทาง แม้จะต้องใช้ความรุนแรง เพื่อปกป้องพลเรือนของตนจากการถูกโจมตีโดยกลุ่มฮามาส และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆในปาเลสไตน์

ทันทีที่การแถลงของเนทันยาฮูเสร็จสิ้นลง จรวดลำดังกล่าวของกลุ่มฮามาสดิ่งลงสู่ทะเล ใกล้กับเมืองกุช ดาน ห่างจากเมืองหลวงของอิสราเอลไปทางตอนใต้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เกิดเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทั่วกรุงเทล อาวิฟ เพื่อให้ประชาชนรีบหาที่หลบภัย โดยบางส่วนเลือกที่จะล้มตัวลงนอนราบกับพื้น ขณะที่หลายคนกุมมือกันไว้แน่นพร้อมกับสวดมนต์

ทั้งนี้ จรวดลำดังกล่าวของกลุ่มฮามาส สามารถตกลงในดินแดนของอิสราเอลได้ใกล้ที่สุด นับตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่อปี 2534 ซึ่งในครั้งนั้น อิสราเอลถูกอิรักโจมตีด้วยขีปนาวุธ “สกั๊ด”

ขณะที่นายเอฮุด บารัค รมว.กระทรวงกลาโหมอิสราเอล แถลงว่า จรวดลำล่าสุดของกลุ่มฮามาสที่สามารถทะยานมาไกลถึงกรุงเทล อาวิฟ เป็นการกระตุ้นให้อิสราเอลไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด และการสู้รบครั้งนี้ต้องถึงขั้นแตกหัก โดยรัฐบาลอนุมัติส่งเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ 30,000 นาย เคลื่อนกำลังภาคพื้นดินเข้าไปยังปาเลสไตน์แล้ว เพื่อขยายปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮามาส

ด้านนายซามี อาบู ซูห์รี โฆษกกลุ่มฮามาส แถลงว่า ทางกลุ่มจะไม่ขอยอมรับข้อตกลงพักรบใดๆ และจะเดินหน้าสู้จนถึงที่สุด ส่วนบรรยากาศบริเวณฉนวนกาซาแทบไม่ต่างอะไรกับเมืองร้าง เนื่องจากมีการตัดกระแสไฟฟ้าบางส่วน มีชาวบ้านเพียงไม่กี่คนออกมาหาซื้ออาหาร และยารักษาโรคไปกักตุน หลังสถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายได้โดยง่าย
ส่วนสหรัฐออกแถลงการณ์ขอความช่วยเหลือจากอียิปต์ ตุรกี และชาติมหาอำนาจตะวันตก ในการหาทางหยุดการสู้รบที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางการอียิปต์ประกาศว่า นายกรัฐมนตรีฮิชาม กานดิล จะเดินทางเยือนดินแดนปลาเลสไตน์ในวันที่ 16 พ.ย.

ในส่วนของผู้เสียชีวิตทั้ง 19 ศพนั้น แบ่งเป็นชาวอิสราเอล 8 ศพ และชาวปาเลสไตน์ 11 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 ศพ นักรบของกลุ่มติดอาวุธ 5 ศพ และครูพิเศษ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนอยู่ในโรงเรียนของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น )