เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 14 พ.ย. เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สั่งการวิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมรับสายจากพลเมืองดีแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจตำรวจจราจรนายหนึ่งของ สภ.เมืองนครปฐม ที่พบเห็นเหตุการณ์ผู้ขับรถยนต์เก๋งสีขาว มิตซูบิชิ แลนด์เซอร์ ซึ่งเป็นหญิงอายุประมาณ 40 ปี รายหนึ่ง ขณะนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. สตรีคนดังกล่าวจอดขับรถมาจอดบนถนนยิงเป้าใกล้กับร้านขายกระเบื้อง ซึ่งเป็นจุดห้ามจอดตลอดแนวตั้งแต่เวลา 15.30 น.-เวลา 18.00 น.ชั่วโมงเร่งด่วน ขณะที่หญิงคนดังกล่าวจอดรถแล้วลงไปซื้อของในร้านค้ากระเบื้อง ได้มีตำรวจจราจรของ สภ.เมืองนครปฐมขับรถมาเพื่อให้เคลื่อนย้ายแต่ไม่พบผู้ขับขี่ จึงได้นำสมุดใบสั่งออกมาเขียนเพื่อจะติดใบสั่งลอย ขณะกำลังเขียนใบสั่ง หญิงที่ขับรถคันดังกล่าวได้ออกมาจากร้านที่เข้าไปซื้อสินค้าพร้อมสินค้าที่ซื้อ นำไปใส่กระโปรงท้ายรถ ตำรวจจราจรนายนั้นจึงส่งใบสั่งให้ แต่หญิงคนดังกล่าวไม่รับพร้อมแสดงอาการเกรี้ยวกราดไม่พอใจพร้อมใช้วาจาคำพูดเชิงด่าว่ากล่าวใส่ตำรวจจราจรนายนั้น ซึ่งจากภาพที่พลเมืองดีที่โทรเข้ามาที่ 191 บอกว่า ตำรวจจราจรนายนั้นมีท่าทางสุภาพนอบน้อมไม่ได้แสดงอาการใดๆที่ไม่สุภาพโต้ตอบหญิงดังกล่าว กลับยกมือทำความเคารพด้วยวันทยาหัตถ์ พร้อมนำใบสั่งที่เขียนสอดแปะไว้ที่ใบปัดน้ำฝนกระจกหน้า แต่หญิงคนดังกล่าวกลับดึงใบสั่งออกมาแล้วฉีกใบสั่งก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นพร้อมคำพูดทั้งด่าทั้งว่าอย่างดุดันหยาบคาย ซึ่งตำรวจจราจรนายนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรตอบโต้ แต่ได้สตาร์ตรถจักรยานยนต์ขับออกไป
พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ตลอดที่โทรมาเล่า กับ 191 ด้วยความเห็นใจและชื่นชมบอกต่อว่า หลังจากตำรวจจราจรนายนั้นขับรถจักรยานยนต์ออกไป หญิงดังกล่าวก็ขับรถออกไปเช่นกันโดยขับมุ่งหน้าไปทางแยกทานตะวัน ซึ่งจากภาพที่เห็นพลเมืองดีที่โทรเข้ามาที่ 191 สงสารและเห็นใจการทำงานของตำรวจจราจรนายนั้น และพร้อมจะเป็นพยานให้กับตำรวจจราจรนายนั้นหากถูกหญิงคนดังกล่าวใส่ร้ายกลั่นแกล้งไปฟ้องเจ้านายด้วยความเท็จ
หลังจากพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์แล้วโทรมาเล่าพร้อมชื่นชมเห็นใจตำรวจจราจรนายนั้นกับ 191 ได้ประมาณ 40 นาที ต่อมาเวลา 17.00 น. ได้มีผู้โทรเข้ามาที่ 191 ด้วยมือถือเจ้าหน้าที่ 191 คนเดิมเป็นผู้รับสาย ผู้ที่โทรเข้ามาเป็นหญิงหลังรับสายและรายงานตัวว่า “191 ตำรวจภูธรนครปฐมรับแจ้งเหตุครับ” ก็มีเสียงผู้หญิงวัยประมาณ 40 ปีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดพูดด้วยคำพูดไม่สุภาพ ลักษณะด่าทอว่ากล่าวตำรวจจราจรหาว่าตนเองจอดรถซื้อของจราจรคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมาเขียนใบสั่ง พร้อมด่าท้าทายทำนองว่า แน่จริงให้ไปจับกำลังรออยู่ที่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ที่รับสายไม่มีจังหวะที่จะพูดตอบต้องทนฟังหญิงคนดังกล่าวที่ใช้มือถือโทรเข้ามาด่าจนพอใจแล้ววางสายไปเอง จากนั้นจึงลงบันทึกข้อมูลรับแจ้งเหตุไว้
ขณะเดียวกันที่ สภ.เมืองนครปฐม หลังเหตุการณ์จราจรถูกหญิงวัย 40 ปีด่าและฉีกใบสั่ง พ.ต.ท.อิทธิพล พรเทวบัญชา สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม ได้รับรายงานเหตุดังกล่าวจาก ส.ต.อ.วิษณุ ศรีนาค (ผบ.หมู่ จร) สภ.เมืองนครปฐม ผู้ประสบกับเหตุดังกล่าวรายงานให้ทราบ จึงรายงานให้ พ.ต.ท.พงษกร อุปพงศ์ รอง ผกก.จร.สภ.เมืองนครปฐม ทราบตามลำดับชั้นของสายงาน ซึ่ง พ.ต.ท.พงษกร ฯได้สั่งให้ตรวจสอบทะเบียนรถเก๋งคันดังกล่าวเพื่อตรวจสอบหาตัวหญิงผู้ขับขี่ดังกล่าว เพื่อแจ้งข้อหากล่าวหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และ พ.ต.ท.พงษกรฯ ได้สั่งให้ ส.ต.อ.วิษณุ ไปเก็บหลักฐานใบสั่งที่หญิงดังกล่าวฉีกทิ้งมาประกอบ จากการตรวจสอบทะเบียนรถ ข.3825 นครปฐม จากฐานข้อมูลทะเบียนยานพาหนะทางบกพบว่า เป็นรถยนต์เก๋ง มิตซูบิชิ แลนด์เซอร์ สีขาว มีน.ส.สุชัญญา อายุ 42 ปี อยู่ม.2 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นผู้ครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ และเมื่อตรวจสอบภาพจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์น.ส.สุชัญญา แล้ว ส.ต.อ.วิษณุ ยืนยันว่า เป็นคนๆเดียวกันกับที่ขับรถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดในจุดห้ามจอดและเป็นคนที่ด่าว่าตนพร้อมฉีกใบสั่งทิ้ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานางสาวสุชัญญา ข้อหา “ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ฯ”
ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.พงษกรฯ รอง ผกก.จร.ฯได้รับการประสานจากนายตำรวจระดับสารวัตรกลุ่มงานสอบสวนภูธรจังหวัดท่านหนึ่งติดต่อมาพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษ ต่อส.ต.อ.วิษณุ ผ่านผู้บังคับบัญชา โดยนายตำรวจระดับสารวัตรท่านนั้นบอกว่า หญิงที่แสดงการการไม่เหมาะสมที่ฉีกใบสั่งดังกล่าวคือ น้องสาวของตนเองซึ่งมีอาการผิดปกติทางสมอง และขอโทษในสิ่งที่น้องสาวได้กระทำลงไปแทนน้องสาวด้วย ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.อ.วิษณุ ก็เข้าใจแต่ต้องดำเนินการในข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจร ข้อหา “จอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร ในเขตห้ามจอดตามกฎหมาย