สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเกมฟุตบอล รองจากการเล่นอย่างมีสปิริตนั้น คือการทำประตูให้ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะครองบอลได้มากซักกี่เปอร์เซ็นต์ แต่หากไม่สามารถส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้แล้วนั้น ทุกอย่างก็ไร้ค่า กลับกัน ต่อให้คุณครองบอลได้แค่ 3 วินาที แต่หากสามารถทำประตูได้ นั่นก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ทีมของคุณคว้าชัยชนะไปนอนกอด
นักเตะบางคนมีเวลาอยู่ในสนามตั้งหลายนาที แต่กลับไม่สามารถทำประตูได้เลย ทว่ามีอยู่หลายคนที่แค่ลงเป็นตัวสำรองไม่กี่นาทีก็สามารถผลิตสกอร์ได้แล้ว ซึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก็คือ ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ กองหน้าชาวเม็กซิกันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เอดิน เชโก้ หัวหอกคนเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง ซึ่งเรื่องนั้นก็ทำให้ทั้งคู่ถูกยกย่องเป็น "ซูเปอร์ซับ" ไปโดยปริยาย
แต่ที่จริงแล้ว ในอดีตก็มีหลายคนที่เคยประกาศศักดาการลุกขึ้นมาจากม้านั่งสำรอง และทำประตูช่วยทีมได้หลายต่อหลายครั้งจนได้รับฉายา "ซูเปอร์ซับ" มาก่อนเช่นกัน ซึ่งวันนี้เราจะมากางรายชื่อบรรดาอดีตพ่อค้าแข้งในลีกอังกฤษ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำหลายครั้งกัน
1.เดวิด แฟร์คลัพ (ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 1973-1983)
นี่คือตำนาน "ซูเปอร์ซับ" ของแท้และดั้งเดิม ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ นั้น แฟร์คลัพ ทำไปทั้งหมด 55 ประตู โดยที่ 18 ลูกจากจำนวนนั้นเกิดขึ้นจากการที่เขาลงเล่นเป็นตัวสำรอง แถม 21 ประตูจากจำนวนทั้งหมดที่ทำได้ยังเกิดขึ้นในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมอีกต่างหาก
อดีตกองหน้าหัวแดงเพลิงมีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในสีเสื้อของ "หงส์แดง" น้อยมาก ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะในช่วงที่เขาเล่นอยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้น ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ก็มีโคตรศูนย์หน้าอย่าง เควิน คีแกน และ จอห์น โตแช็ค ให้พร้อมใช้งานอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อดีตแข้งวัย 55 ปี มีความสามารถพิเศษในการทำประตูสำคัญๆ ได้ รวมถึงการกดไป 7 ลูก ในเกมลีกช่วง 14 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 1975-76 ที่ส่งให้ "หงส์แดง" ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีไปครองได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำให้บรรดา "เดอะ ค็อป" จดจำชื่อของเขาได้ไปอีกนาน จากการช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) ในฤดูกาล 1976-77 ได้สำเร็จ ด้วยการซัดประตูที่ 3 ให้กับทีม ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่ "หงส์แดง" เอาชนะ แซงต์-เอเตียน ไป 3-1 จนทำให้สกอร์รวม 2 นัด เป็นชัยชนะ 3-2 ของยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิดล์ ซึ่งในซีซั่นนั้น ลิเวอร์พูล ก็ได้ถ้วยแชมป์สโมสรใบใหญ่ที่สุดของยุโรปเป็นสมัยแรกด้วย
2.เอ็นวาโก้ คานู (อาร์เซน่อล, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และ พอร์ทสมัธ)
ดาวยิงจอมเก๋าวัย 36 ปี ที่ตอนนี้เป็นนักเตะฟรีเอเยนต์อยู่นั้น สถาปนาตัวเองเป็นยอดตัวสำรองทั้งเวลาอยู่กับ "ไอ้ปืนใหญ่", "เดอะ แบ็กกี้ส์", และ "ปอมปีย์" ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไร เพราะพี่ท่านเล่นลงเป็นตัวสำรองถึง 118 ครั้ง และกลายเป็นคนที่ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึกพรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อย
3.ทอเร่ อังเดร โฟล (เชลซี ระหว่างปี 1997-2000)
อดีตดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ นับเป็นฮีโร่ของ "สิงห์บลูส์" ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่เขาค้าแข้งอยู่กับยอดทีมแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งนั่นก็มาจากการที่เขาสวมผ้าคลุมซูเปอร์แมนลงมาเป็นตัวสำรอง และซัดประตูให้ทีมได้อยู่บ่อยครั้งจนคู่แข่งต้องเซ็งไปตามๆ กัน
แม้จะไม่ได้โด่งดังเหมือนกับเพื่อนร่วมทีมที่ค้าแข้งในเวลาเดียวกันอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส, จานฟรังโก้ โซล่า และ จานลูก้า วิอัลลี่ แต่อดีตแข้งวัย 39 ปี ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ จากการทำไป 50 ประตู ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นการทำได้ในฐานะตัวสำรอง 13 ลูกด้วยกัน
สำหรับชอตสำคัญที่ยังตราตรึงใจแฟนบอล เชลซี อยู่ทุกวันนี้ คือการที่เขาทำไป 2 ลูก จนช่วยให้ทีมกลับมาเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ได้ 4-3 เมื่อซีซั่น 1998-99 รวมถึงการเหมา 2 ตุง ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ นัดแรก ที่ทัพ "สิงห์บลูส์" บุกไปเฉือนชนะ เรอัล เบติส 2-1 ในฤดูกาล 1997-98 อีกด้วย
4.โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 1996-2007)
นานมาแล้วก่อนที่ "ชิชาริโต้" จะเป็นยอดตัวสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยมีตัวสำรองชั้นยอดอีกหนึ่งรายที่พร้อมให้เรียกใช้งานตลอดเวลา และนั่นก็คือ "เพชรฆาตหน้าทารก" นั่นเอง
บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไม โซลชา ถึงได้รับฉายายอด "ซูเปอร์ซับ" ทั้งที่เขาทำประตูในฐานะตัวสำรองไปแค่ 29 ลูก จากทั้งหมด 126 ประตูที่ทำให้กับ "ปีศาจแดง" ทว่าสิ่งที่ทำให้อดีตดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ถูกยกให้คู่ควรกับฉายาดังกล่าวไม่ได้มาจากจำนวนประตูที่ทำได้ แต่เป็นความสำคัญของลูกยิงที่เขาทำให้กับทีมต่างหาก
ราวกับดีเอ็นเอของการเป็น "ซูเปอร์ซับ" อยู่ในสายเลือด เพราะประตูแรกของ โซลชา ในสีเสื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือการลงมาเป็นตัวสำรอง และส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่าย ในเกมที่ต้นสังกัดเปิดนัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอกับ แบล็คเบิร์น 2-2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 1996 และตำนานยอดตัวสำรองของเขาก็เริ่มมานับตั้งแต่นั้น
ไฮไลท์สำหรับการเป็นตัวสำรองของ โซลชา มีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ซัดไปถึง 4 ลูก ในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ถลึง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 8-1 หรือจะเป็นการทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 จนช่วยให้ "ปีศาจแดง" กำชัยเหนือ ลิเวอร์พูล คู่อริตัวฉกาจได้ ทั้งที่เพิ่งลงสนามมาเพียง 9 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อันที่คอบอลทั่วโลก โดยเฉพาะสาวกของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะจดจำไปตลอดชีวิต ก็คือการที่เขาลุกขึ้นมาจากม้านั่งสำรอง และสวมบทฮีโร่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่น 1998-99 มานอนกอดได้ ด้วยการทำประตูชัยให้ทีมในนาทีที่ 3 ของช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งหลังนั่นเอง