ณ ลานประหาร อภิสิทธิ์ กับ สุกำพล ใครจริง ใครเท็จ

 

อย่าคิดว่าเมื่อประสบเข้ากับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ จะมีแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่เหนื่อย

คนที่ลงชื่อเสนอญัตติก็เหนื่อย

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติ ไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ประสบเข้ากับคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163/2555 เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ

คล้ายกับข้อกำหนดที่ว่า "ให้ปลดออก จากราชการ เป็นนายทหารกองหนุน รับเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ สังกัด บก.จทบ. กท."

จะเป็นความกรุณา

แต่เมื่อย้อนกลับไปอ่านเหตุผลที่ว่า "ได้ใช้เอกสารใบสำคัญ ส.ด.9 แทนฉบับ ที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เมษายน 2531 อันมีข้อความสาระสำคัญเป็นเท็จ (ถือว่าเป็นเอกสารเท็จ)"

ก็จะประจักษ์ในความร้ายแรง

เพราะว่า "เป็นการกระทำไม่สุจริตเพื่อประโยชน์แห่งตน เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง"

ก็จะยิ่งเหนื่อยเป็นร้อยเท่าพันทวี



ยอมรับว่าประหลาดใจที่เห็นอาการขึงขัง ไม่ยอมรับ จาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และหลายคนภายในพรรคประชาธิปัตย์

ประหลาดใจเพราะว่าเรื่องนี้สัมพันธ์กับ

1 เอกสารอันเป็นเท็จ "เป็นการกระทำที่ละเมิดศีลธรรม จริยธรรม และแบบธรรมเนียมทหารของนายทหารสัญญาบัตร"

1 สัมพันธ์กับการเรียกเบี้ยหวัดคืน สัมพันธ์กับการถอดยศ

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่าการถูกปลดออกจากราชการยังขัดกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6)

นี่คือความละเอียดอ่อน

เป็นความละเอียดอ่อนอันเริ่มต้นจาก "เอกสารอันเป็นเท็จ" เป็นมูลเชื้อและรากเหง้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่จะตามมา

อย่าลืมเป็นอันขาดว่านี่เป็นบทสรุปจากการสอบสวนของ "คณะกรรมการ"

มิได้เป็นเรื่องคิดเองเออเองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หากเป็นการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการ อันประกอบส่วนจากนายทหารระดับสูง รวมถึงเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร รวมถึงเจ้ากรมกำลังพลทหารบก

เป็นเรื่องของวินัยทหาร มิใช่เรื่องการเมือง



ความขึงขังของพรรคประชาธิปัตย์ ความขึงขังของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วางน้ำหนักอยู่ที่การนำเรื่องเข้าสู่ศาลปกครองสูงสุด

นั่นหมายความว่าอย่างไร

หมายความว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องพิสูจน์ให้ศาลยอมรับว่า เอกสารอันเป็นพื้นฐานของการกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการทหารนั้นเป็นข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอย

หมายความว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีเอกสาร "จริง" อยู่ในมือ

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ไม่ว่าการตรวจสอบในระดับสังคม ไม่ว่าการตรวจสอบในระดับคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ก็เคยเรียกว่าเอกสาร "จริง" ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ้างว่ามีอยู่ แต่ไม่เคยนำออกมาแสดงให้ปรากฏ

แม้กระทั่งการเรียกสอบครั้งล่าสุดก่อนออกเป็นคำสั่งปลดออกมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ยอมส่งเอกสาร "จริง" ให้และไม่ยอมไปให้ปากคำ

อ้างติดธุระสำคัญที่ฮ่องกง

ปมเงื่อนคือ ระหว่างกระทรวงกลาโหมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใครกันแน่ที่มีเอกสาร "จริง" หากมีการฟ้องร้องไปยังศาลปกครองนี่คือปราการด่านแรกที่จะต้องวินิจฉัยก่อนรับคำร้อง

เดิมพันนี้แพงอย่างยิ่ง



ไม่เพียงแพงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เพียงแพงต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

สังคมกำลังเฝ้ารอไม่เพียงแต่การยืนยันแล้วยืนยันอีกของกระทรวงกลาโหม หาก ที่สำคัญยังเฝ้ารอการยืนยันอีกคำรบหนึ่งจากอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ใครเป็นของจริง ใครเป็นของเท็จ

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...