โพสต์ทูเดย์ : สถาบันพระปกเกล้า จัดประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 14 เรื่อง “การปฏิรูปรัฐสภา : มุมมองเชิงเปรียบเทียบ” โดยมีการเสวนาหัวข้อ การปฏิรูประบบรัฐสภาไทย ซึ่งมีนายลิขิต ธีรเวคิน ราชบัณฑิต, นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกวุฒิสภา และนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมเสวนา

นายลิขิต กล่าวตอนหนึ่งว่า การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ระบุว่าจะแช่แข็งประเทศไทย 5 ปีนั้น ไม่ได้มองบริบทของโลกว่าก้าวหน้ามากขนาดไหน ซึ่งขัดแย้งกับแนวโน้มใหญ่ๆ ของโลกอย่างการเป็นระบอบประชาธิปไตย การเปิดการค้าเสรี หรือการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน แนวคิดในลักษณะนี้ควรอยู่ในคลื่นลูกที่ 1 ที่ประชาชนทำเกษตรกรรม และล่าสัตว์เพื่อยังชีพเท่านั้น ซึ่งวันนี้ประเทศไทยเปลี่ยนไป ไม่ใช่สังคมเกษตรกรรมอีกต่อไป และพึ่งอุตสาหกรรมและการส่งออกเป็นหลักแล้ว หากปิดประเทศและย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยมีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีอีก ก็เตรียมเห็นแรงงานตกงานนับสิบล้านคนได้เลย

ขณะที่นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาล และไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งตามปกติ โดยให้กลุ่มคนอื่นมาเป็นรัฐบาลแทน กำลังสวนกระแสที่จะทำให้ระบบรัฐสภาสั่นคลอน ถ้าปล่อยไป ก็จะเผชิญกับรัฐสภาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็จะเกิดวิกฤตรุนแรง และทำให้นานาชาติขาดความเชื่อมั่น ซึ่งสังคมไทยไม่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระแสนี้ สังคมควรจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง มากกว่าใช้กำลังในการแก้ปัญหา และทำให้ประชาธิปไตยยังอยู่กับที่เหมือนทุกวันนี้