จิกๆ กัดๆ ตามฉบับคนดัง(แห่ง)เฟซบุ๊ก

ว่ากันว่าลักษณะของ"เฟซบุ๊ก" ไม่ต่างจากเขาวงกต

เพราะล็อกอินเข้าไปทีไร หาทางออกยากทุกที

ด้วยนอกจากเป็นพื้นที่ให้แสดงตัวตนได้เต็มที่แล้ว ยังมีสารพัดแฟนเพจยั่วใจชวนให้กดไลค์ (Like)

แล้วทำไมจะไม่หลง

ก็ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดารา-คนดัง,ข่าวสาร,ของลดราคา ฯลฯ ล้วนมีมาให้อ่าน

หรืออยากรวมกลุ่มรักคนนั้น เกลียดคนนี้ยังไม่วายมีให้เห็น

แต่ที่ผูกใจคนในโลกออนไลน์อยู่หมัดในตอนนี้ ก็ต้องบรรดาแฟนเพจรวมมุขเสียดสี ซึ่งรวบรวมเรื่องแสบๆ คันๆ อ่านแล้วขัน (ในกรณีไม่ใช่คนในเรื่อง) นี่ละ

"ผมแค่เอาข่าวที่เป็นกระแสมาตัดต่อให้ดูขำๆ" หนุ่มวัย 30 เจ้าของแฟนเพจ "เฮ้ย! นี่มันตัดต่อชัดๆ" ซึ่งปัจจุบันมียอดกดไลค์ถึง 170,000 คนบอก

เริ่มแรกเขา-ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุล รวมถึงใบหน้า บอกแต่ว่ามีอาชีพเป็นกราฟิกดีไซเนอร์กะจะทำแค่เล่นๆ เพื่อส่งต่อในหมู่คนสนิทให้ได้ดู ตามประสาคนอารมณ์ดีที่อยากแบ่งอารมณ์ขำ

แต่พอทำไปๆ เอ,ภาพชักจะเยอะเลยเปิดเป็นแฟนเพจไว้เก็บสะสมดีกว่า ขณะเดียวกันคิดด้วยว่าไหนๆ ทำแล้ว เปิดให้คนอื่นได้ดูเพื่อยิ้มแบบไปกับกระแสที่เกิดขึ้นเลยแล้วกัน

"ข่าวสารทุกวันนี้มันมีแต่ดราม่า เลยอยากให้เสพข่าวในอีกมุมแบบไม่เครียดเกินไป" เขาว่า

ภาพเด็ดๆ ที่คนชอบกันเยอะก็เช่นภาพการชกของ"บัวขาว ป.ประมุข" ในยกไทยไฟต์ ทว่าภาพในโปสเตอร์รูปของบัวขาวกับผู้ท้าชิงถูกแทนที่ด้วยภาพสองนักการเมืองไม้เบื่อไม้เมา พร้อมคำบรรยายใต้ภาพแสบสะเด็ด

ถึงแอดมินจะออกตัวแล้วว่า "ช่วงนี้พยายามห่างหายจากเรื่องการเมือง" ไปบ้างก็เถอะ

"บางรูปเราตัดต่อจากความเป็นจริงเลยมีคนบางกลุ่มไม่ค่อยพอใจ เพราะสังคมไทยทุกวันนี้แตกแยกแบ่งเป็นฝักฝ่าย"

"ถ้าเราทำภาพล้อกลุ่มนี้ กลุ่มตรงข้ามก็จะสะใจ แต่กลุ่มที่ถูกตัดต่อจะไม่พอใจ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อทำตรงนี้ "เราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน" เขาจึงตัดปัญหาด้วยการหันไปเสียดสีเหตุการณ์ดังอื่นๆ แทนอย่างข่าวดารา หนัง ละคร เพลง

แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ เพราะน่าหยิบมาทำเหลือเกินก็จะให้แฟนๆ ของเพจที่เป็นทนายช่วยดู

จะได้อยู่รอดปลอดภัย มีภาพใหม่ๆ มาให้ดูตลอดๆ

เช่นเดียวกับเพจ"คิดว่าดีก็ทำต่อไป" ที่แอดมินตั้งปณิธานไว้จะไม่แตะเรื่องการเมือง ดังนั้นงานจึงเน้นไปในเรื่องของชีวิตประจำวัน โดยถ่ายทอดผ่านประโยคสั้นๆ พร้อมภาพการ์ตูนล้อเลียนคนดังที่เขาและทีมวาดคู่ใจอีก 2 คนสร้างสรรค์ขึ้น

เช่นภาพ"ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม" นางเอกช่อง 7 ยืนแอ๊กท่าถือปืนอยู่ข้างๆ ข้อความว่า "ขอดูหน้าพวกที่ชอบดูแรงเงา ชัดๆ หน่อยดิ๊"

"ส่วนใหญ่ผมแซวด้วยความรัก ถ้าไม่ชอบ ไม่รักก็คงไม่อยากพูดถึง" คนทำซึ่งประกาศตัวเพียงว่าเป็นชายไทยที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วบอก

ผลงานจึงออกมาแนวน่ารัก หยิกแกมหยอก

นอกจากเรื่องไหนที่สังคมถูกเอาเปรียบ เขาก็พร้อมจะหยิบมีดมากะซวกเป็นครั้งคราว

ซึ่งเชื่อว่าน่าจะถูกจริตแฟนนานุแฟนแน่นอน เพราะเปิดมาแค่ 4 เดือน แต่ยอดไลค์พุ่งไปกว่า 400,000 แบบคนทำไม่คาดคิด

"ผมไม่คิดว่าจะมีคนหลงเข้ามาเยอะขนาดนี้" เขาว่าแบบติดตลก

นั่นเพราะตอนเริ่มทำไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ารู้สึกสนุก

แล้วก็พบว่านอกจากสนุกอย่างที่คิด ยังมีความรู้สึกดีๆ แถมมาด้วย เพราะถึงตอนนี้พอเห็นคนชอบสิ่งที่เขาทำและสนุกกับมัน ความรู้สึกที่ว่าก็เกิด

ที่ออกแนวประชดประชัน อ่านแล้วได้อารมณ์สุดสุดต้อง"สมรัก พรรคเพื่อเก้ง" ที่เปิดได้เพียง 2 เดือน แต่ยอดไลค์ไปไกลเกือบ 4 หมื่น แถมชื่อเสียงก็ขจรไกลเพราะผลงานถูกนำไปโพสต์ในเว็บพันทิปแล้วก็กลายเป็นกระทู้แนะนำทั้งในห้อง"เฉลิมไทย,เฉลิมกรุง,รัชดา,โต๊ะเครื่องแป้ง,กล้อง,มาบุญครอง,บลูแพลนเน็ต,ก้นครัว" รวมไปถึง "ศุภชลาศัย"

แน่นอนทางหนึ่ง เจ้าของแฟนเพจที่ไม่ขอเปิดตัวอะไรมากไปกว่าเป็นวัยรุ่นตอนปลายก็ดีใจ เพราะตอนแรกคิดไว้ว่าคงมีคนไลค์ไม่ถึง 5,000

แต่อีกทางก็ "เครียดนะ" เขาบอก

"เพราะบางคนที่เขาไม่ชอบก็จะด่าเอา"

เล่าด้วยว่าความจริงเขามีความสามารถเฉพาะด้านขีดเขียน แต่เรื่องของการทำกราฟิก การตัดต่อ สร้างแฟนเพจแย่ถึงขั้นโลว์เทค จนแอดมินของเพจ"โหดสัส" ต้องยื่นมือเข้าช่วย หลังเห็นความตั้งใจและลีลาการเขียนแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์

"ถ้าผมเขียนชมคือการด่า แต่ถ้าผมเขียนด่าคือชม" คือหลักการของสมรัก พรรคเพื่อเก้ง

"ซึ่งคนที่อ่านแล้วคิดจะเข้าใจ แต่ถ้าอ่านแบบไม่คิดก็จะด่าเราว่าเขาดีอยู่แล้วจะไปด่าเขาทำไม"

ที่เลือกทำอย่างนั้น เป็นเพราะมั่นใจว่าถ้าบอกแบบตรงๆ คนมักไม่เชื่อ อีกทั้งลึกๆ แล้วสิ่งที่เขาอยากบอกยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำพวกของ "ความเชื่อ"

"ผมจะเล่นความเชื่อเยอะ" เขาว่า

"เพราะคนไทยชอบเชื่อแบบไม่ค่อยมีสติ อยากให้เขามีสติ ได้คิดตาม"

พอเจอข่าวว่ามีวิญญาณเฮี้ยนสิงอยู่ในที่ตาย ซึ่งคนส่วนใหญ่กลัว คนไม่กลัวอย่างเขาเลยเขียนแนวต่าง ให้เห็นมุมในแบบผี ว่าถ้าตายแล้วไม่น่าจะอยากวนเวียนอยู่ที่เดิม

เพราะถึงเวลานั้นคงมีอิสระที่จะไปไหนก็ได้ แล้วจะดักดานอยู่เพื่อ???

จริงไม่จริง ไม่รู้ ถูกหรือผิดก็บอกไม่ได้บอก แต่ที่แน่ๆ คือการมองให้เป็นเรื่องขำน่าจะทำให้ชีวิตอยู่ง่ายกว่า

นี่แฟนของแฟนเพจช่วยยืนยัน

"เคยมีเด็กผู้หญิงอายุ 15-16 คนหนึ่งบอกว่าเขาเลิกกลัวผีเพราะผม แต่ก่อนตอนมืดอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ พอมาอ่านเรื่องที่ผมเล่าบ่อยๆ เขาก็เลิกกลัว มองเป็นเรื่องตลก"

เกิดผลดีไป

และคงเพราะมองมุมบวก แบบออกแนวขำๆ หลังๆ แฟนคลับที่ติดตามดูเพจจึงขยับมาขอปรึกษาปัญหาชีวิต

แปลกใจ แต่ก็ให้ โดยมีข้อแม้เดียว "อย่าให้ผมเปิดเผยตัว"

คำขอแบบเดียวกันเป๊ะกับแอดมินเพจอื่นๆ

"จะว่าป๊อดก็ป๊อด" เขาบอกปนหัวเราะ

"เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น พึ่งใครไม่ได้ ผมไม่มีแบ๊กเป็นคนใหญ่คนโต"

"จะมีก็แค่พื้นที่ในเฟซบุ๊กให้แสดงออก"

"แสดงออกซึ่งความคิดเห็นตามสิทธิของตัว"

 



ที่มา:หน้า 24 มติชนรายวัน วันที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
 

7 พ.ย. 55 เวลา 12:44 4,086 1 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...