ไทยสู้ขาดใจแพ้3-5

นักเตะฟุตซอลไทยสู้ขาด ใจ แต่พ่าย "ยูเครน" สุดมัน 3-5 ลุ้นเข้ารอบ 16 ทีม เตะนัดสุดท้ายเจอปารากวัย 7 พ.ย.นี้ "ญี่ปุ่น" ฮึดสู้พลิกตามเจ๊าโปรตุเกส 5-5 อีกคู่ "คอสตาริกา" พลิกแซงชนะ "ปารากวัย" ไปอย่างสนุก 6-3 ส่วนโปรแกรมสายบี "อิหร่าน" ทีมเบอร์หนึ่งเอเชียปะทะ "โมร็อกโก" อีกคู่ "สเปน" อันดับหนึ่งของโลกเตรียมถลุง "ปานามา" ขณะที่กลุ่มดี "ออสเตรเลีย" ฟาดแข้ง "เม็กซิโก" ที่แพ้มาด้วยกันทั้งคู่ บิ๊กแมตช์ของกลุ่ม "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา เตรียมปะทะขุนพล "อัซซูรี่"อิตาลี ชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่ม ลุ้นระทึกอีก! ฟีฟ่าตรวจความพร้อมสนามฟุตซอลหนองจอกวันนี้



การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกครั้งที่ 7 "ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์คัพ ไทยแลนด์ 2012" เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก คู่แรกเป็นการลงสนามนัดที่สอง พบกันระหว่างปารากวัย ทีมอันดับ 10 ของโลก พบคอสตาริกา ทีมอันดับ 23 ของโลก 



โดยเกมนี้ผู้เล่น 5 คนแรกของปารากวัย ประกอบด้วย คาร์ลอส เอสปิโนล่า ผู้รักษาประตู, ฟาบิโอ อัลคาราซ, อโดลโฟ ซาลาส, ออสการ์ เวลาซเกวซ, ฮวน ซาลาส ส่วนผู้เล่นคอสตาริกามี ไจโร โตรูโน่ ผู้รักษาประตู, เอ๊ดวิน คูบิลโญ่, อเลฮานโดร ปาเนียกัว กัปตันทีม, มาร์โก คาร์วายาล, ดิเอโก้ ซูนิก้า



เริ่มเกมได้ 2 นาที ฟาบิโอ อัลคาราซ ยิงให้ปารากวัยออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากนั้นคอสตาริกาพยายามเปิดเกมแลก จนนาทีที่ 9 ปาเนียกัวมีโอกาสหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเน้นๆ หน้ากรอบเขตโทษ แต่เอสปิโนล่ายังเซฟไว้ได้ นาทีที่ 10 ปาเนียกัวรับบอลกลางสนามจ่ายให้คาร์วายาล ที่รออยู่ริมเส้นฝั่งขวายิงตามน้ำ แต่ติดเซฟเอสปิโนล่า กระทั่งนาที 11 ฟาบิโอ อัลคาราซ คนเดิมใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงฝ่าผู้เล่นคอสตาริกาไปที่ริมเส้นฝั่งขวา ก่อนก้มหน้ากดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกอย่างสวยงามให้ปารากวัยหนีห่างในครึ่งแรก 2-0 



ครึ่งหลังคอสตาริกาแก้เกมมาดี ตามเอาคืนนาที 21 ซูนิก้ายิงให้คอสตาริกาไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 อีก 3 นาทีถัดมาเอ๊ดวิน คูบิลโญ่ พาบอลหลบมาสุดเส้นหลังด้านซ้าย ก่อนเปิดให้ฮอร์เก้ เอเรียส ที่วิ่งมาชาร์จเข้าประตูตีเสมอเป็น 2-2 เกมของปารากวัยเริ่มรวนอย่างเห็นได้ชัด แล้วเปิดช่องให้คอสตาริกาแซงไปจากจังหวะที่ซูนิก้าได้บอลหลุดเข้าไปยิง เอสปิโนล่า นายด่านปารากวัยปัดบอลมาเข้าทางคูบิลโญ่ซ้ำเข้าไปให้คอสตาริกานำ 3-2



นาทีที่ 26 ยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ หลุยส์ นาวาร์เรเต้ ทำชิ่งกับเพื่อนเข้าไปทำประตู 4-2 ให้คอสตาริกา ปารากวัยเปลี่ยนมาใช้การเล่นแบบเพาเวอร์เพลย์ โหมบุกอย่างหนัก แต่ในนาที 30 โดนคูบิลโญ่ตัดบอลได้ ก่อนตัดสินใจยิงไกลจากหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง เข้าประตูให้คอสตาริกานำห่าง 5-2 ปารากวัยยังไม่ยอมแพ้บุกหนักทวงประตูคืน จนนาที 17 สามารถทำประตูไล่มาเป็น 3-5 จากวอลเตอร์ บิลญัลบา 



อย่างไรก็ตามก่อนหมดเวลา 15 วินาที คูบิลโญ่ตัดบอลกลางสนาม ก่อนตัดสินใจตักบอลข้ามนักเตะปารากวัยจากกลางสนามเข้าประตูอย่างง่ายดาย จบเกมคอสตาริกาแซงชนะปารากวัย 6-3



จากนั้น 19.00 น. ทีมชาติไทย จ่าฝูงกลุ่มเอ ลงสนามพบยูเครน อันดับ 2 ของกลุ่ม โดยผู้เล่นทีมชาติไทย ประกอบไปด้วย สุรพงค์ ทมพา ผู้รักษาประตูกัปตันทีม, จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, กฤษดา วงษ์แก้ว, ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ส่วนยูเครน ประกอบด้วย ดมิโทร ลิตเวเนนโก้, เซอร์เก เชโปร เนี้ยก, แม็กซิม พาฟเลนโก้ กัปตันทีม, เยฟเก้น โรกาชอฟ, เดนิส์ ออฟเชียนนิคอฟ



เริ่มเกมได้ 2 นาทีไทยมีโอกาสได้ประตูขึ้นนำ กฤดา ตัดบอลจากกลางสนาม ก่อนเลี้ยงฝ่าผู้เล่นยูเครนเข้าไปยิง แต่ลิตวีเนนโก้ ยังบินปัดไว้ได้ เป็นทีของยูเครนบ้าง นาทีที่ 3 พาฟเลนโก้มีโอกาสได้ยิงโล่งๆ แต่สุรพงค์ยังไวใช้ขาสกัดออกไปได้ จากนั้นเป็นไทยที่ครองบอลได้มากกว่า นาทีเดียวกัน ศุภวุฒิ ได้โอกาสพาบอลไปที่ริมเส้นด้านซ้าย ก่อนจิ้มยิงด้วยขวา แต่ยังติดเซฟนายทวารยูเครน ถัดมานาทีที่ 4 กองเชียร์ในสนามเงียบสงัด เมื่อยูเครนได้ประตูออกนำไทยก่อน 1-0 จากจังหวะสุรพงค์ เบียดรับบอลกับ ออฟเชียน นิคอฟ สุดท้ายบอลตกมาเข้าเท้า ออฟเชียน นิคอฟ ยิงเข้าประตูไปโล่งๆ



ต่อมาไทยเริ่มบุกหนัก ส่งบอลไปมาในแดนยูเครน นาทีที่ 7 ศุภวุฒิมีโอกาสส่องไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย จากนั้นนาทีเดียวกันเป็นลูกสวนกลับของยูเครน เชโปรเนี้ยก รับบอลมาที่ริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนหวดด้วยขวาเต็มแรง บอลพุ่งเสยคานเข้าไปอย่างสวยงาม นำไทย 2-0 ก่อนไทยพยายามทำประตูคืนอย่างเต็มที่ ถึงตอนนี้กองเชียร์ในสนามยังส่งเสียงเชียร์อย่างไม่หยุดยั้ง แต่สุดท้ายมาพลาดโดนทีเด็ดลูกสวนกลับยูเครนอีกครั้ง โรกาชอฟ พาบอลจากกลางสนาม ก่อนแตะเข้าขวายิงผ่านมือ สุรพงค์เข้าไปทิ้งห่างไทย 3-0 ในนาที 13



จากนั้นไทยเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าทำได้ฝ่ายเดียว แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถผ่านแนวรับยูเครนไปได้ ส่วนยูเครนรอจังหวะสวนกลับจนก่อนหมดครึ่งแรก 36 วินาที โรกาชอฟคนเดิมก็มาบวกประตูที่สองของตัวเองให้ยูเครนนำ 0-4 ไม่หมดแค่นั้นก่อนหมดเวลา 6 วินาที พาฟเลนโก้ ยิงให้ยูเครนทิ้งห่างไทยในครึ่งเวลาแรก 5-0



เข้าสู่ครึ่งหลัง นักเตะไทยมีฮึดได้ประตูตีไข่แตกจากกฤษดา วงศ์แก้ว ในนาที 24 ไล่ตามมาห่างๆ 1-5 เกมของโต๊ะเล็กไทยครองเกมได้มากขึ้นแต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของยูเครนได้ หนำซ้ำยังถูกนักเตะยูเครนสวนกลับสร้างความหวาดเสียวบ่อยครั้ง นาทีที่ 35 ไทยได้จุดโทษ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ซัดตรงตัวเต็มแรง รอดแขนนายด่านยูเครนเข้าไปไล่มาอีก 2-5 แต่หลังจากนั้นไทยเปลี่ยนมาเล่นเพาเวอร์เพลย์พับสนามบุกแหลก นาที 38 จิรวัฒน์ สอนวิเชียร เหนือชั้นคลึงหลอกกองหลังยูเครนก่อนยิงสวนผู้รักษาประตูเข้าไปตามมา 3-5 แต่ไม่สามารถยิงเพิ่มได้ จบเกมพ่ายไปด้วยสกอร์ดังกล่าว



หลังเกม เจนนาดี้ ลิเซนชุก โค้ชยูเครนกล่าวว่า เป็นเกมที่ตื่นตาตื่นใจ และแฟนบอลน่าจะประทับใจ ขอชื่นชมฟอร์มของนักเตะไทย เนื่องจากเป็นทีมที่มีความเร็วสูง เทคนิคเฉพาะตัวดีมาก ยูเครนโชคดีที่ได้ประตูในครึ่งแรกตุนไว้ก่อน 5 ลูก ถึงตรงนี้มั่นใจว่าจะเข้าเป็นที่ 1 ของสาย โดยเกมต่อไปจะเอาชนะคอสตาริกาให้ได้ เพื่อหวังให้ไทยเข้ารอบไปด้วยกัน



ขณะที่วิกเตอร์ เฮอร์มันส์ โค้ชไทยเผยว่า เสียดายที่เสียง่ายเกินไปในครึ่งแรก นักเตะจึงต้องเร่งเกม และเสียระบบไปหมด ยังดีที่ยิงคืนมาได้บ้าง เพราะมีผลต่อลูกได้เสีย สำหรับเกมหน้ากฤษดา วงศ์แก้ว ไม่สามารถลงสนามได้ เนื่องจากติดโทษแบน ขณะที่ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวเตะตัวสำคัญของทีมเริ่มมีอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบซ้าย ต้องเช็กอาการถึงนาทีสุดท้าย 1 แต้มน่าจะไม่มีปัญหาสำหรับเกมกับปารากวัย



ด้าน"เสี่ยเซฟ"สุทธิพันธ์ วรรณวินเวศร์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม เสริมว่า รู้สึกแปลกใจผลการแข่งขันซึ่งคอสตาริกา ชนะ ปารากวัย 6-3 เพราะทำให้สถานการณ์ของไทยลำบากขึ้น โดยในส่วนของประกิต ด่านขุนทด นายทวารของไทยนั้นอาการดีขึ้นน่าจะลงสนามได้ในเกมต่อไป



ผ่านพ้น 2 นัด ยูเครนนำเป็นจ่าฝูง มี 4 แต้ม อันดับ 2 คอสตาริกา มี 3 แต้มเท่ากับอันดับ 3 ไทย แต่ลูกได้เสียเหนือกว่า ส่วนอันดับ 4 ปารากวัยรั้งบ๊วยมี 1 แต้ม โดยเกมนัดสุดท้าย ไทยจะเจอกับปารากวัย ที่อิน ดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ในวันที่ 7 พ.ย. อีกคู่ คอสตาริกา เจอยูเครน ที่ชาติชายฮอลล์ จ.นครราชสีมา นักเตะไทยต้องลุ้นชนะให้ได้เพื่อการันตีการเข้ารอบต่อไป หรือหากเสมอจะต้องไปลุ้นผลคู่อื่นๆ ด้วย เนื่องจากในรอบ 16 ทีมจะคัดเอาอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม



ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าสนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก มีประชาชนชาวไทยต่างเดินทางเข้ามารอเชียร์ทีมชาติไทยที่จะลงสนามพบยูเครนกันอย่างล้นหลาม จนตั๋วเข้าชมที่ขายบริเวณหน้าสนามหมดเกลี้ยง ทำให้ประชาชนที่ไม่มีตั๋วเข้าชม ต้องยืนประกาศขอซื้อบัตรเข้าชมจากผู้ที่มีตั๋วเหลือ สร้างโอกาสให้กับผู้ที่ซื้อบัตรมาเก็บไว้ เพื่อเก็งกำไรเป็นอย่างมาก จนราคาบัตรเข้าชมการแข่งขันมีมูลค่าสูงถึง 1,500-3,000 บาท จนทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งจอทีวีสีขนาด 29 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง บริเวณหน้าสนามให้แฟนบอลได้ร่วมเชียร์และลดความผิดหวังจากการที่ไม่ได้เข้าไปร่วมชมภายในสนาม



ขณะที่ชาติชาย ฮอลล์ เป็นเกมการแข่งขันนัดที่ 2 กลุ่มซี โปรตุเกส พบญี่ปุ่น โดยโปรตุเกสซึ่งนัดแรกชนะลิเบียมา 5-1 ส่ง 5 ผู้เล่นตัวจริง ได้แก่ เจา เบเนดิโต (ผู้รักษาประตู), เปโดร คารี่, อาร์นัลโด้, ริคาร์ดินโญ่ และเจา มาทอส



ส่วนญี่ปุ่นซึ่งแพ้บราซิลมา 1-4 เกมนี้ต้องชนะสถานเดียวหากยังต้องการมีลุ้นเข้ารอบ 16 ทีม ส่ง 5 ผู้เล่นตัวจริง ได้แก่ ฮิซามิซุ คาวาฮาร่า (ผู้รักษาประตู), วาตารุ คิตาฮาร่า, โชตะ โฮจิ, เคนิชิโร่ โคกุเระ และคัตสึโตชิ เฮนมิ



เริ่มเกมครึ่งแรกนาทีแรกโปรตุเกสยิงขึ้นนำจากเจา มาทอส ขึ้นนำ 1-0 และหลังจากนั้นอีก 1 นาทีโปรตุเกสนำห่างเป็น 2-0 จากการโหม่งของริคาร์ดินโญ่ และในนาทีที่ 8 โปรตุเกสได้ฟรีคิกโดยเล่นลูกสูตรทำประตูได้นำห่าง 3-0 จากการยิงของคาร์ดินัล ซึ่งเป็นประตูที่ 4 ของทัวร์นาเมนต์นี้ เมื่อเสียประตูญี่ปุ่นพยายามโหมบุก กระทั่งในนาทีที่ 11 สามารถตีไข่แตกได้ จากการยิงไกลเสียบสามเหลี่ยมของคาโอรุ โมริโอกะ เป็น 3-1 แต่เพียงแค่นาทีเดียวโปรตุเกสก็นำห่างเป็น 4-1 จากการยิงของคาร์ดินัลคนเดิม และนาทีที่ 17 โปรตุเกสได้ประตูนำห่างจากริคาร์ดินโญ่ เป็น 5-1 แต่ญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ ยิงไล่ตามเป็น 5-2 จากการยิงของโชตะ โฮจิ จบครึ่งแรกโปรตุเกสนำญี่ปุ่น 5-2



ครึ่งหลังญี่ปุ่นแก้เกมมาดี เอาคืน 3 ประตูรวด วาตารุ คิตาฮาร่า ในนาทีที่ 31 นาทีถัดมา คาโอรุ โมริโอกะ กดไล่มาเป็น 4-5 จากนั้นนาที 35 แฟนบอลเฮลั่นสนามเมื่อคัตสึโตชิ เฮนมิ ยิงตีเสมอให้ญี่ปุ่นมาเป็น 5-5 และจบเกมเสมอกันไปอย่างสุดมันส์ แบ่งกันไปทีมละแต้ม



สำหรับการแข่งขันฟุตซอลโลกประจำวันที่ 5 พ.ย. มีลงสนามทั้งหมด 4 คู่ ที่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก กลุ่มบี คู่แรกเริ่มเวลา 19.00 น. เป็นการพบกันระหว่างโมร็อกโก อันดับ 38 ของโลก ที่เกมแรก โดนปานามาถล่มมา 8-3 ทั้งที่ในครึ่งแรกเป็นฝ่ายนำก่อน 3-1 พบอิหร่าน อันดับ 7 ของโลก และเบอร์หนึ่งเอเชีย ซึ่งสามารถแบ่งแต้มกับทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างสเปนมาได้ 2-2 โดยเกมนี้ผู้เล่นดาวดังของทั้งสองทีมยังอยู่กันครบ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยฝั่งโมร็อกโก มียาห์ย่า จาบราเน่, อาซิซ เดอร์รู, อดิล ฮาบิล ชูโรง ส่วนอิหร่านมีตัวหลักอย่าง มาซูด ดาเนชวาร์, ฮอสซีน ตาเยบี ที่เป็นฮีโร่ซัดคนละประตูให้ทีมไล่ตามตีเสมอสเปนช่วยทีมได้เหมือนเดิม นอกจากนั้นยังมี มอสตาฟา เตย์เยบี และฮามิด อามาดี้ ที่เป็นตัวหลักสำคัญ



จากนั้นเวลา 21.00 น. สเปน เบอร์ 1 ของโลก จะลงสนามพบกับปานามา อันดับ 32 ของโลก สเปนเกมแรกพลาดโดนอิหร่านไล่ตีเสมอ ซึ่งหลังเกมเบนันซิโอ โลเปซ กุนซือจอมเฮี้ยบออกมาบ่นลูกทีมว่าเล่นกันต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกมนี้คงต้องเน้นเต็มที่แน่นอน โดยตัวหลักของทีมยังลงสนามอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อเลเมา, เฟอร์นานเดา, ออร์ติซ, อัลบาโร่ ส่วนปานามาตอนนี้นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม หลังแซงชนะโมร็อกโกได้ 8-3 มีผู้เล่นสำคัญ อย่าง คาร์ลอส เปเรซ, มิเกล ลาสโซ่, เฟอร์นานโด เมน่า, อโปลินาร์ กัลเวซ, ออสการ์ ฮิงก์ส, คลาดิโอ กูดริดจ์ ช่วยทีม



ขณะที่สนามอาคารนิมิบุตร ออสเตรเลีย อันดับ 30 ของโลก พบเม็กซิโก อันดับ 37 ของโลก เวลา 17.00 น. เกมแรกทั้งสองทีมแพ้มาด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งหากหวังจะเข้ารอบ ต้องเก็บ 3 แต้มสถานเดียว โดยออสเตรเลียยังคงส่งผู้เล่นตัวหลักอย่าง ปีเตอร์ สปาธิส, จาร์รอด บาสเกอร์, เกรกอรี่ จิโอวานนี่ กัปตันทีม, โทเบียส ซีโต้, เฟอร์นันโด ลงสนามเช่นเดิม ส่วนเม็กซิโกยังมีตัวหลักอย่าง มิเกล เอสตาด้า, ฟรานซิสโก้ คาตี้, มอร์แกน พลาต้า ลงช่วยทีม



ส่วนในเวลา 19.00 น. จะเป็นคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง อาร์เจนตินา อันดับ 6 ของโลก พบอิตาลี อันดับ 3 ของโลก ซึ่งในเกมแรกทั้ง 2 ทีมเปิดสนามเก็บแต้มด้วยการชนะคู่แข่งมาแบบถล่มทลาย โดยอาร์เจนตินาภายใต้การนำของ เฟอร์นานโด ลาร์รานากา กุนซือคนเก่ง มีผู้เล่นชั้นนำอย่าง คริสเตียน บอร์รูโต้, เฮอร์แนน การ์เซียส, แมซิมิเลียโน่ เรสเซีย ส่วนอิตาลีของ โรเบอร์โต้ เมนิเชลลี่ มี มาร์ซิโอ ฟอร์เต้, สเตฟาโน่ แมมมาเรลลา, ซาด เอสซิส และกาเบรียล ลิม่า



ด้านนายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ ผอ.ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ภาค 3 จ.นคร ราชสีมา กล่าวว่า ชาวโคราชจำนวนมากต้องผิดหวัง เพราะบัตรถูกจองหมดเกลี้ยง ซึ่งไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากต้องปฏิบัติตามระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลนานา ชาติ หรือฟีฟ่า แต่ได้ประสานไปยังฟีฟ่า ขอนำจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่มาติดตั้งให้แฟนบอลชาวโคราชได้ชมชนิดติดขอบสนามจริงๆ แม้ไม่ได้เข้าไปดูในสนาม เพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศใกล้สนามก็ยังดี โดยจะนำจอมาให้แฟนบอลได้รับชมกันในวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายรอบแรกกลุ่มซี บราซิลพบโปรตุเกส เวลา 17.00 น. และทีมจากสายเอ ยูเครน พบคอสตาริกา เตะเวลา 19.00 น. รวมถึงแมตช์รอบ 16 ทีมสุดท้าย สองคู่ในวันที่ 12 พ.ย. อัน ดับหนึ่งสายดีพบกับทีมอันดับสามสายบี อี เอฟ และที่หนึ่งสายซีพบกับทีมอันดับสาม เอ บี เอฟ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่สนามชาติชาย ฮอลล์ มีแฟนบอลเดินทางเข้ามาเชียร์ติดตามการแข่งขันฟุตซอลจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้บรรยา กาศครึกครื้นเป็นพิเศษ ส่วนซุ้มขายของที่ระลึกของการแข่งขันฟุตซอล แฟนบอลชาวไทยและต่างชาติก็ให้ความสนใจจำนวนมากเช่นกัน ขณะที่การรักษาความปลอดภัยฝ่ายผู้จัดการแข่งขันยังคงเข้มงวดเหมือนวันแรกที่เปิดสนาม และมีการจัดระบบเข้าออกสนามใหม่ เพื่อให้เป็นระเบียบมากขึ้น สำหรับตั๋วที่นั่งในวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งเป็นการแข่งขันในกลุ่มซี บราซิลพบโปรตุเกส และกลุ่มเอ คอสตาริกาพบยูเครน บัตรได้จำหน่ายเกือบหมดแล้วเช่นกัน



ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างสนาม "บางกอก ฟุตซอล อารีน่า" ย่านหนองจอก ซึ่งฟีฟ่ากำลังพิจารณาว่าจะใช้ในการแข่งขัน ฟุตซอลโลก 2012 รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไปหรือไม่ โดยฟีฟ่ามีข้อแม้ว่าต้องเพิ่มส่วนต่างๆ ให้ได้ตามกฎ อาทิ ระบบรักษาความปลอดภัย การติดตั้งกล้องวงจรปิด เพิ่มจอมอนิเตอร์ ห้องผู้สื่อข่าว และยกเลิกการใช้ที่นั่งชั้น 5 เพราะเกรงว่าโครงสร้างสนามไม่สมบูรณ์



ล่าสุดนายศุภชัย ตันติคมน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้จัดการสนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า กล่าวว่า ตอนนี้พื้นสนามที่สั่งจากหลายประเทศมาครบแล้ว ทั้งจากไต้หวัน มาเลเซีย อิตาลี หรือแม้กระทั่งจากประเทศจีน โดยจากความเหมาะสมและมาตรฐานของพื้นสนามได้เลือกใช้พื้นสนามจากจีน เนื่องจากทาสีมาเรียบร้อยแล้ว และจะช่วยลดเวลาในการติดตั้ง



"โชคดีที่พื้นสนามจากจีนมาถึงพอดี ซึ่งพื้นนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้กันอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังได้มาตรฐานจากฟีฟ่าด้วย ที่สำคัญทาสีมาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ประหยัดเวลาได้เยอะ โดยตอนนี้เริ่มปูพื้นสนามและทำตามข้อเรียกร้องของฟีฟ่าทุกประการ ทั้งระบบรักษาความปลอดภัย การติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งมีการติดตั้งรอบสนาม 50 เครื่อง ที่สำคัญยังเพิ่มจอมอนิเตอร์ในห้องผู้สื่อข่าวอีก 20 เครื่อง รวมถึงการปิดที่นั่งชั้น 5 ดังนั้น รับรองว่าจะแล้วเสร็จทันกำหนดในวันที่ 5 พ.ย. และใช้ในการแข่งขันได้แน่นอน" นายศุภชัยกล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนฟีฟ่าจะเข้าตรวจสนามครั้งสุดท้ายวันที่ 5 พ.ย. เวลา 10.00 น. ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะใช้สนามนี้ดำเนินการแข่งขันตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไปหรือไม่

5 พ.ย. 55 เวลา 11:09 3,309 5 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...