(29 ต.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงผลคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานนีตำรวจภูธรโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ที่แอบลักลอบขนย้ายและค้าลูกเสือโคร่ง 16 ตัว ว่า ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่และกองบังคับการปราบปรามด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในการสืบสวนหาขบวนการผู้ขายและผู้รับซื้อ ซึ่งคาดว่าจะเป็นขบวนการค้าข้ามชาติที่ทำกันมาเป็นระยเวลาหนึ่งแล้ว และอาจเป็นขบวนการเดียวกับขบวนการลักลอบค้าสุนัข จึงได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเพื่อสืบสวนให้ทราบแหล่งที่มาและสถานที่รับซื้อก่อน พร้อมทั้งเร่งให้หน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ด้านสัตว์ป่าตรวจดีเอ็นเอลูกเสือโคร่งทั้งหมดว่ามีที่มาจากแหล่งใด เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป รวมทั้งได้สั่งการให้ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 แห่ง ทั่วประเทศ ออกตรวจสอบการเพิ่มประชากรของเสือโคร่งในสวนสัตว์เอกชน ที่มีอยู่ราว 1,300 ตัว และจากผู้ครอบครองเสือที่มาขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการเมื่อปี 2546 ที่มีอยู่ประมาณ 100 กว่าตัว ว่าขณะนี้มีจำนวนเพิ่มหรือลดลงอย่างไร
อย่างไรก็ตามสำหรับลูกเสือที่นำไปดูแลรักษาอยู่ที่สถานี้เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จ. ชัยภูมินั้น ขณะนี้ตายลง 1 ตัว คาดว่าเนื่องจากลูกเสืออายุยังน้อยยังไม่หย่านม อายุยังไม่ถึง 1 เดือน แต่ต้องถูกบรรทุกมาในสภาพที่เบียดเสียด และอาจจะถูกวางยาเพื่อการขนย้ายที่สะดวกมาก่อน จึงทำให้อ่อนแอและตายลง ทั้งนี้จะกระจายลูกเสือส่วนที่เหลือ 15 ตัว ไปดูแลที่สถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าอื่นๆ ของกรมอุทยานฯ เช่น สถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าเขาประทับช้าง สถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี และสถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานีต่อไป.