วันนี้ ( 27 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสว่า ผลงานวิจัยล่าสุดโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ บ่งชี้ว่า ผู้หญิงติดบุหรี่ที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ก่อนอายุ 40 ปี อาจช่วยต่อชีวิตได้ยืนยาวอีกอย่างต่ำ 9 ปี แต่ยังคงมีความเสี่ยงเสียชีวิตเร็วกว่าหญิงที่ไม่เคยสูบบุหรี่ 20%

นายริชาร์ด เปโต จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ของอังกฤษ หนึ่งในทีมงานนักวิจัย กล่าวถึงผลการศึกษา ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารด้านสุขภาพ “เดอะ แลนเซต” เผยแพร่ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ว่า คณะนักวิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้หญิงชาวอังกฤษราว 1.2 ล้านคน อายุเฉลี่ย 55 ปี ระหว่างปี 2539-2544 ในจำนวนนี้ 20% สูบบุหรี่เป็นประจำ 28% เคยสูบบุหรี่มาก่อน ขณะที่ 52% ไม่เคยสูบบุหรี่
 

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างต้องรายงานพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างละเอียด รวมถึงความถี่ในการสูบบุหรี่ และวันเวลาที่แน่นอนในการเลิกสูบบุหรี่หากประสบความสำเร็จ  หลังจากครบระยะเวลาการเก็บข้อมูล ทีมงานจะทำการติดตามผลตลอดจนถึงปัจจุบัน พบว่า ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้ก่อนถึงอายุ 40 ปี มีแนวโน้มอายุยืนยาวขึ้นอีก 9 ปีโดยเฉลี่ย แต่ผู้หญิงที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ก่อนมีอายุ 30 ปี สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นโดยเฉลี่ย 10 ปี
 

อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยดังกล่าว ไม่ได้เป็นการสื่อว่า หากสูบบุหรี่จนกระทั่งถึงอายุ 40 ปีก่อนแล้วค่อยเลิก จะช่วยป้องกันความเสี่ยงการเกิดอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้นแต่อย่างใด หลังผลการศึกษาระบุเช่นกันว่า อัตราการเสียชีวิตในผู้หญิงที่สูบบุหรี่อย่างสม่ำเสมอ สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย 1.2 เท่า และคิดเป็น 1 ใน 6 เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้แล้ว แม้แต่ผู้หญิงที่สูบบุหรี่น้อยกว่า 10 มวนต่อวัน ยังมีอัตราเสี่ยงเสียชีวิตโดยรวมเร็วกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยสูบบุหรี่ถึง 2 เท่า
 

นอกจากนี้ เปโตยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การสูบบุหรี่ประเภท “ไลท์” ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า จะพบกับความเสี่ยงป่วยด้วยภาวะติดเชื้อในปอด ที่นำไปสู่โรคมะเร็งปอด ตลอดจนโรคหัวใจ หรือเสียชีวิตช้ากว่าการสูบบุหรี่ปกติ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ล้วนต้องเผชิญอาการป่วยเหล่านี้ด้วยกันทุกคน