เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่เข้าชี้แจงคดีทุจริตไร่ส้ม โดยอ้างว่าไม่ได้รับจดหมายเชิญ จนต้องมีการเรียกตัวมาใหม่ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ ปุระชัย จี้ ช่อง 3 ลงดาบทันที โดยไม่ต้องรอชี้มูลความผิด
เมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานฯ ได้พิจารณาศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัทไร่ส้ม จำกัด กับ บมจ.อสมท โดยเชิญตัวแทนจาก อสมท, สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจงต่อ อนุ กมธ. แต่ปรากฏว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กลับไม่มาเข้าร่วมการชี้แจงดังกล่าว โดยอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารเชิญ
ต่อมา นายวชิร สงบพันธ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า หลังการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. กำลังรวบรวมเอกสารเพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องบริษัท ไร่ส้ม ต่อไป รวมทั้งจะส่งเรื่องให้ช่อง 3 ให้พิจารณาความผิดทางวินัยของนายสรยุทธ พร้อมยืนยันว่า การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า เพราะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก จนมีเอกสารหลักฐานมากกว่าที่ อสมท ได้ส่งเรื่องมา ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายสรยุทธ ไม่เคยมาให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช. ด้วยตัวเอง แต่มักมอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงแทน
ด้าน น.ส.อรวรรณ ชูดี รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ และเป็นบทเรียนสำหรับ อสมท ในการตรวจสอบการทุจริตการโฆษณาให้เข้มข้นมากขึ้น และจากนี้จะไม่ปล่อยให้มีผู้รับผิดชอบเรื่องการโฆษณาเพียงคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ในองค์กร
ทั้งนี้ นายคชาชาญ มงคลเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ชี้แจงว่า ในฐานะสื่อมวลชนช่อง 3 ยึดตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพข่าวเสมอ ทั้งนี้ ช่อง 3 มีการบริหารงานเป็นระบบครอบครัว ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นในส่วนช่อง 3 เป็นในช่วงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำ คือ ช่อง 9 ตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูล ซึ่งนายสรยุทธ ต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และหากมีความผิดจริง นายสรยุทธก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าช่อง 3 มีมูลค่าการตลาดสูงขึ้น ในเรื่องข่าวและพิธีกรข่าว ซึ่งเป็นผลจากความสามารถดำเนินรายการของนายสรยุทธ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุม อนุ กมธ. เป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายอภิชาติ ครุฑทอง อนุ กมธ. ตั้งคำถามว่า กรณีของนายสรยุทธ ที่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทางจริยธรรมทางวิชาชีพนั้น จึงเปรียบเสมือนการพายเรือให้โจรนั่ง หากินในคราบนักข่าว หรือเปิดโอกาสรวยทางลัดหรือไม่ ส่งผลให้นายวัชระ ขอให้นายอภิชาติถอนคำพูดในเชิงกล่าวหาดังกล่าว
ขณะที่ สร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ได้เปรียบเทียบวิชาชีพข่าว กับวิชาชีพการแพทย์ ซึ่งหากพบความผิดทางจริยธรรมก็จะมีพักใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ หรือว่ากล่าวตักเตือน จึงไม่เห็นด้วยกับช่อง 3 ที่ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วค่อยดำเนินการ ทั้งนี้นายวัชระ ได้นัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยจะเชิญนายสรยุทธ และตัวแทนบริษัทไร่ส้ม มาชี้แจงเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งจะเชิญ ผู้แทนอัยการสูงสุด และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ หากนายสรยุทธ ไม่มาชี้แจงต่อ กมธ.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก