วันนี้ ( 25 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรักว่า เกิดเหตุโจมตีรุนแรงที่มีเป้าหมายหลักเป็นสถานที่ราชการหลายแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน ทางตอนกลางและเหนือของอิรัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ศพ บาดเจ็บอีก 13 ราย เมื่อวันพุธ ถือเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบเดือนนี้ และเป็นเหตุรุนแรงก่อนหน้าถึงวันอีดิลอัฏฮา หรือวันตรุษใหญ่ เพียง 2 วัน
พ.ต.ท. ยาสซิน ดาวิช จากศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัย เมืองฟัลลูจาห์ ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด กล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ ( คาร์บอมบ์ ) ใกล้กับบ้านพักของนายราฟา อัล-อัสซาวี รมว.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฟัลลูจาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ เป็นพลเรือน 2 ศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย อย่างไรก็ตาม บิดาของนายอัล-อัสซาวี ซึ่งอยู่ภายในบ้านขณะเกิดเหตุ สามารถหลบหนีออกมาได้ทันเวลา
ขณะเดียวกัน กลุ่มมือปืนนิรนามก่อเหตุยิงสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน ระหว่างเดินทางกลับบ้าน บริเวณเมืองมิชาฮาดา ห่างจากรุงแบกแดดไปทางตอนเหนือราว 30 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุกลุ่มมือปืนกราดยิงจุดตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ในเขตแมนเซอร์ ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด พร้อมกับขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งยกกำลังมายังที่เกิดเหตุ ส่งผลให้ทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพ และตำรวจอีก 3 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ที่เมืองเคอร์คุก ฐานผลิตน้ำมันสำคัญทางตอนเหนือของประเทศ มีการวางระเบิดริมถนน พุ่งเป้าไปยังพาหนะของสมาชิกสภาท้องถิ่น คร่าชีวิตเด็ก 1 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และมีรายงานตำรวจ 4 นายได้รับบาดเจ็บ จากเหตุระเบิดอีก 1 จุดในพื้นที่เมืองเคอร์คุกเช่นกัน
ตามด้วยเหตุระเบิดบริเวณด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ ในเมืองโก สุไลมาน มีตำรวจเสียชีวิต 1 ศพ และกลุ่มมือปืนนิรนามก่อเหตุกราดยิงประชาชนในเขตคาซานิยาห์ ชานเมืองดิยาลา ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ
ทั้งนี้ เหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว ถือได้ว่ารุนแรง และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีหลายจุดทั่วอิรัก เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 33 ศพ