(ซ้าย) ลักษณะขนของแมวแซมเศวต (ขวา) แมวแซมเศวต "ข้าวตอก" กับ วีระศักดิ์ สร้อยทอง
"ขนดำแซมเศวตสิ้น สรรพภางค์
ขนคู่โลมกายบาง แบบน้อย
ทรงระเบียบสำอาง เรียวรุนห์ งามนา
ตาดั่งแสงหิ่งห้อย เปรียบน้ำ ทองทา"
โคลงสี่สุภาพที่กล่าวข้างต้น ถูกบันทึกอยู่ในสมุดข่อยโบราณของวัดอนงคารามวรวิหาร ที่มีอายุถึง 700 ปี เชื่อกันว่าตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บันทึกเรื่องแมวไทยไว้อย่างละเอียด รวมถึงตำราดูลักษณะแมวมงคล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "แมวแซมเศวต" แมวไทยพันธุ์โบราณที่หายากที่สุดในเมืองไทย
แมวแซมเศวตมีลักษณะขนทั่วไปสีดำแซมด้วยสีขาวเล็กน้อย แต่ขนบางและค่อนข้างสั้น รูปร่างบางเพรียวไม่อ้วนเหมือนแมวชนิดอื่นๆ นัยน์ตาสีเขียวเรืองรอง ดั่งแสงหิ่งห้อย หางเรียวยาว
เมื่อปี 2548 ได้มีการค้นพบแมวแซมเศวตตัวแรกของไทย ซึ่งมี อารีย์ อยู่บำรุง ประธานชมรมอนุรักษ์แมวสยาม เป็นเจ้าของ และเป็นผู้ค้นพบแมวเพศเมียชื่อ "แซม" โดยได้มาจากทางภาคใต้ ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว และต่อมาในปี 2549 อารีย์ได้ค้นพบแมวแซมเศวต ตัวที่ 2 เป็นแมวเพศผู้ ชื่อ "โค้ก" ปัจจุบันอายุประมาณ 7-8 ปี และยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
มาบัดนี้ได้มีการค้นพบแมวแซมเศวตเป็นตัวที่ 3 แล้ว ชื่อ "ข้าวตอก" อายุประมาณ 6 เดือน
นับว่าปัจจุบันเหลือแมวแซมเศวตเพียง 2 ตัวในโลกก็ว่าได้
เราตามไปหา "ข้าวตอก" ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตำบลบ้านเกาะ บ้านของ "วีระศักดิ์ สร้อยทอง" ครูประจำการโรงเรียนเทศบาลวัดตองปุโบราณคณิสสร วัย 46 ปี เป็นบ้านปูนชั้นเดียว
วีระศักดิ์เจ้าของบ้านอยู่กันเป็นครอบครัวเล็กๆ พ่อ-แม่-ลูก เมื่อก่อนเคยเลี้ยงแมวพันธุ์ขาวมณี 1 คู่ แต่ตอนนี้ได้นำไปเลี้ยงที่บ้านในจังหวัดสิงห์บุรีแล้ว จึงมีโอกาสศึกษาเรื่องแมวไทยนับแต่นั้นเป็นต้นมา และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกับ ปรีชา พุคคะบุตร เจ้าของ "บ้านแมวไทย" ศูนย์อนุรักษ์แมวไทยโบราณ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จนทำให้รู้ว่า "แมวแซมเศวต" เป็นแมวไทยพันธุ์โบราณที่หายากที่สุดในเมืองไทย
เจ้าของแมวแซมเศวตเล่าว่า "ข้าวตอก" เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านได้เพียง 3 เดือน ได้แมวมาจากพระที่อยู่วัดตองปุ หมู่ 5 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ข้าวตอกมีอายุได้ 3 เดือน
"ตอนแรกที่ได้มานั้นลักษณะแมวเหมือนของคุณอารีย์คือ มีลักษณะขนสีขาวแซมอยู่บนขนสีดำตลอดทั้งตัว พระท่านยังถามเลยว่า "จะเอาเหรอ" ท่านไม่รู้จัก เห็นขนมันมีสีขาวแซมตลอดทั้งตัว ยังบอกว่า "อย่าเอาไปเลย แมวมันเป็นโรค" แต่ผมดูแล้วว่า ไม่ใช่เป็นโรคแน่ๆ แต่เป็นลักษณะของพันธุ์แมวแซมเศวต จึงขอมาเลี้ยง" วีระศักดิ์เล่า
"เศวต" แปลว่า "ขาว" ซึ่ง ข้าวตอก มีลักษณะขนพื้นดำแซมขาวตลอดทั้งตัว เป็นจุดเด่นของแมวแซมเศวต อีกทั้งรูปทรงลำตัวดี มีความเด่นที่หาง หางสวย" วีระศักดิ์เล่า
วีระศักดิ์ยังอธิบายถึงการเลี้ยงดูแมวแซมเศวต "ข้าวตอก" ว่า ลักษณะนิสัย "ข้าวตอก" เหมือนแมวไทยทั่วไป รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในพื้นที่กักขัง ชอบเล่นตลอดเวลา ส่วนอาหารจะให้กินทั้งปลาสดๆ ปลานิลทอดหรือปลาน้ำจืดทอดและอาหารเม็ดสลับกันไป จะไม่ให้กินปลาทูและปลากระป๋อง เพราะปลาทูและปลากระป๋องเค็มมาก กลัวแมวจะเป็นโรคไต
"ตัวนี้ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะต้องมีขนสีขาวแซมเยอะๆ จึงจะสมบูรณ์ แต่ก็ไม่รู้ว่าโตขึ้นไปจะขาวเยอะกว่านี้หรือไม่ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงกำลังผลัดขนจากลูกแมวเป็นแมวหนุ่ม ทำให้เห็นขนสีขาวที่แซมอยู่ตามตัวน้อยลง ส่วนการดูแลบำรุงขนนั้นปล่อยตามธรรมชาติ จะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแมว และไม่ได้อาบน้ำด้วยสบู่หรือสิ่งอื่นใด" วีระศักดิ์อธิบาย
วีระศักดิ์ยังบอกอีกว่า โอกาสที่จะเพาะพันธุ์นั้นยาก เพราะหาคู่ยาก คุณลุงปรีชาบอกว่า ถ้าจะหาคู่จะต้องเป็นแมวดำโกนจามาผสม และจะต้องผสมหลายรุ่น แล้วคัดอีกครั้งหนึ่งว่า มีลูกแมวพันธุ์แซมเศวตหรือไม่ ถ้ามีได้ก็จะคัดตัวเด่นๆ ออกมา และต้องผสมพันธุ์ต่อไปอีกหลายรุ่น จึงจะได้แมวพันธุ์แซมเศวตของแท้
"คนส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นแมววัดหรือแมวบ้าน ไม่ได้มีความพิเศษหรือมีราคาอะไร เพราะพันธุ์นี้ยังไม่รู้จักกันมากนัก แต่สำหรับผมหากมีใครมาติดต่อขอซื้อแมว คงไม่ขายแต่จะอนุรักษ์เอาไว้" วีระศักดิ์บอก
เพราะ "แมวแซมเศวต" นับเป็นแมวไทยพันธุ์โบราณที่หายากที่สุดในเมืองไทยหรือในโลกก็ว่าได้