ฝรั่งแฉ สยามเมืองยิ้ม มิตรประเทศลดแต่ปืนเพิ่ม!

ฝรั่งแฉ สยามเมืองยิ้ม มิตรประเทศลดแต่ปืนเพิ่ม! (ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

             รอยเตอร์สเสนอบทความ ประเทศไทยในชื่อสยามเมืองยิ้ม กลายเป็นดินแดนแห่งอาชญากรรมจากปืน สถิติทูตมัจจุราชเพิ่มต่อเนื่อง เผยไทยมีเหตุฆาตกรรมด้วยปืนมากสุดในเอเชีย

             สำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยผู้เขียน Amy Sawitta Lefevre เขียนบทความใช้ชื่อว่า"ประเทศไทยเป็นมิตรลดลง แต่อาชญากรรมจากปืนเพิ่มขึ้น" เธอขึ้นต้นด้วยการยกตัวอย่างเหตุการณ์นักศักษาอาชีวะยิงคู่อริบนรถโดยสารประจำทาง ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ยิงคนเสียชีวิต 2 ศพ กลางสี่แยก การเต้นกังนัมสไตล์ในผับที่นำไปสู่เหยื่อปืน 5 ศพ และอดีตสมาชิกวุฒิสภาทำปืนลั่นใส่อดีตภรรยาตัวเอง ซึ่งจากเหตุการณ์เหล่านี้ นำไปสู่การสรุปว่าอาวุธปืนในเมืองไทยนั้นเกลื่อนกลาด และครอบครองกันอย่างง่ายดาย

             นอกจากนี้การไม่ต้องรับโทษของคนใหญ่คนโตก็นำไปสู่การใช้ปืนแทนกฎหมายของคนทั่วไป การฆาตกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ชื่อเสียงของไทยดูย่ำแย่ลง ธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติมาเยือนปีละประมาณ 20 ล้านคน อันนำมาสู่รายได้หลักของประเทศจะมีอนาคตที่น่ากังวล ภาพพจน์  "สยามเมืองยิ้ม" กำลังมัวหมอง  

             นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ผู้เคยจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินธุรกิจอาบอบนวด ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยกำลังเป็นเหมือนฉากในหนังคาวบอย คนเดี๋ยวนี้เอะอะก็ชักปืน และว่าเขาเองไม่เคยครอบครองปืนมาก่อน จนกระทั่งปีนี้ที่มีทีเดียว 3 กระบอก

             จากสถิติการสำรวจของ www.gunpolicy.org ของออสเตรเลีย พบว่า ประเทศไทยในปี 2554 มีอัตราการก่ออาชญากรรมจากปืนสูงที่สุดในเอเชีย ทุก 100,000 คน จะถูกฆ่าด้วยอาวุธปืน 5.3 คน เปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์ที่มีเพียง 0.2 คน นอกจากนี้ยังพบว่า ประเทศไทยมีพลเมืองครอบครองปืนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่าฟิลิปปินส์ 4 เท่า ทั้ง ๆ ที่ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีชื่อในด้านความรุนแรงเกี่ยวกับอาวุธปืนมาอย่างยาวนาน ในห้างดิโอลด์สยามพลาซ่าของไทยมีร้านปืนราว 80 ร้าน เปิดขายอย่างถูกกฎหมาย

             ผศ.ดร.ชาญคนิต กฤตยา สุริยะมณี จากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ระหว่าง 6 ปี ของเหตุการณ์เผชิญหน้าทางการเมือง ทำให้อาชญากรรมเกิดง่ายขึ้น เนื่องจากไม่อยู่ในจุดสนใจเท่าไรนัก
  
            กฎหมายของไทยระบุว่า ประชาชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้ และการออกใบอนุญาตต้องมีการตรวจประวัติผู้ขออย่างเข้มงวด แต่ถึงกระนั้นจากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม มีวัยรุ่นพกปืนมากขึ้นถึง 32 เปอร์เซ็นต์ ตลอด 9 ปี ที่ผ่านมา

             พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ข้าราชการของไทยได้รับสิทธิ์ส่วนลดในการซื้อปืน และยอมรับว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนแจ้งว่าอาวุธปืนหายและได้นำไปขายในตลาดมืด ซึ่งอาจมีราคาสูงถึง 80,000 บาท ขณะที่นายชูวิทย์บอกว่า เจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตปืนไม่น้อยรับสินบน
 
             ส่วน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า อาวุธปืนมาจากชายแดนประเทศทั่วทุกภาค และในเดือนตุลาคม รัฐมนตรีมหาดไทยของมาเลเซียตำหนิว่า การเพิ่มจำนวนของอาวุธปืนในประเทศของเขา มาจากการลักลอบนำเข้าจากประเทศไทย

             จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยพบว่า ขณะนี้มีผู้ถือครองใบอนุญาตปืน 6.2 ล้านใบ จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ 69 ล้านคน ทั้งนี้ การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งบอกว่า มาตรการทางกฎหมายนาน ๆ ครั้งถึงบังคับใช้เสียทีหนึ่ง 

              ท้ายนี้ นายชูวิทย์ กล่าวตำหนิธรรมเนียมการนำกฎหมายมาไว้ในมือผู้ใดผู้หนึ่งตามอำเภอใจ "บางคนที่ไม่สามารถแต่งชุดยูนิฟอร์มได้ สิ่งต่อไปที่จะทำคือการพกปืน" หัวหน้าพรรครักประเทศไทย สรุป 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

Credit: http://hilight.kapook.com/view/77626
24 ต.ค. 55 เวลา 09:40 1,760 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...