สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่่ 22 ต.ค.ว่า รายงานของคณะกรรมการวางแผนครอบครัวและประชากรแห่งชาติของจีนระบุว่า แต่ละปี จะมีหญิงจีนแห่ทำแท้งเป็นจำนวน 13 ล้านคน ซึ่งถือมากที่สุดของโลก โดยกว่าครึ่งเป็นหญิงอายุต่ำกว่า 25 ปี และมีนักศึกษามหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ของกลุ่มดังกล่าว โดยจากผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุว่า 48 เปอร์เซนต์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยกวางตุ้งบอกว่า พวกเห็นด้วยการมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน ขณะที่ 40 เปอร์เซนต์เห็นว่า พวกเขาไม่สนใจว่า แฟนจะบริสุทธิ์หรือไม่ และผลสำรวจนี้สร้างความวิตกให้แก่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยจะมีจิตใจเปิดกว้างมากขึ้นเรื่องมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการขาดความรู้เรื่องเพศ
รายงานระบุว่า ในเมืองหวูฮั่นยังปรากฎว่า มีการสร้างอพาร์ทเมนต์รอบมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาอยู่กินกัน ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังบูมด้วย นอกจากนี้ ในแทบทุกคืน ยังสามารถพบเห็น นักเรียนคู่รักอยู่ด้วยกันในโรงแรมหลังเรียนเสร็จ โดยน.ศ.หญิงอายุน้อยรายหนึ่งเผยว่า เธอได้ย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเมนต์กับเพื่อนชาย เพื่อจะได้ออกค่าใช้จ่ายด้วยกัน และได้ดูแลกัน และว่าเธอไม่กล้าบอกเรื่องนี้แก่พ่อแม่ แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนร่วมชั้นของเธอกว่า 1 ใน 4 จะย้ายมาอยู่กินกับแฟนหนุ่ม
ส่วนที่กรุงปักกิ่ง ยังปรากฎว่ามีโรงแรมเล็ก ๆ หรือโรงแรมเช่ารายวัน ที่ให้บริการคู่รักนักศึกษา โดยบางคนบอกว่า พวกเขาต้องจองโรงแรมล่วงหน้า เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เข้าโรงแรมในช่วงสุดสัปดาห์ และว่า เขาคิดว่า เขามีสิทธิที่จะเลือกมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน เหมือนกับว่า เราสามารถแต่งงานในมหาวิทยาลัยได้
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า 70 เปอร์เซนต์ของชาวจีนมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน ซึ่งสุงมากเมื่อเทียบกับปี 1980 ซึ่งอยู่ที่ระดับเพียง 16 เปอร์เซนต์ และการขาดความรู้ด้านการเพศศึกษา และการยอมรับภาวะหย่าร้างได้มากขึ้นของสังคม การมีเซ็กส์แบบรู้จักกันในคืนเดียว กำลังมีอิทธิพลต่อนักศึกษามหาวิทยาลัย และแนวโน้มนี้ถือเป็นภัยเสี่ยงสำหรับหนุ่มสาวจีน หลังพบว่า มีนักศึกษาติดเชื้อทางเพศมากขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน และมีการยอมรับการแต่งงาน และความรับผิดชอบทางสังคมน้อยลง