เมื่อวันที่ 21 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต และนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรครีพับลิกัน ต่างหาเสียงโจมตีนโยบายการต่างประเทศของอีกฝ่าย เรียกน้ำย่อยก่อนถึงการโต้วาที หรือดีเบต นัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายในวันจันทร์ที่ 22 ต.ค. ตามเวลาสหรัฐ คาดว่าจะดวลกันดุเดือดในนโยบายตะวันออก กลาง จีน รัสเซีย และล่าสุดคืออิหร่าน หลังนิวยอร์กไทมส์เพิ่งรายงานว่า รัฐบาลอิหร่านและสหรัฐพร้อมเจรจาลับในโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐผ่านไปแล้ว และจะครอบคลุมประเด็นสงครามกลาง เมืองในซีเรียที่สหรัฐมักกล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้สนับสนุนกองทัพซีเรียด้วย แต่โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐแถลงโต้ว่าข่าวนี้ไม่จริง
ก่อนหน้านี้ รอมนีย์ตำหนิรัฐบาลโอบามา ว่าโอนอ่อนต่อรัฐบาลอิหร่านมาตลอด เพราะไม่ยอมกำหนดเส้นตายที่ห้ามอิหร่านก้าวข้ามไปสู่การผลิตอาวุธ ซึ่งผู้นำอิสราเอลก็มักขู่ว่าจะเป็นฝ่ายโจมตีอิหร่านเองหากสหรัฐไม่มีท่าทีที่แข็งกร้าวพอ ด้านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐระบุว่า ไม่เห็นด้วยหากสหรัฐจะเจรจาลับกับอิหร่าน เพราะให้ราคารัฐบาลอิหร่านมากเกินไป