วันหยุดสุดสัปดาห์ กับการพักผ่อน อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาหาร มาดูกันค่ะ 10 อันดับ อาหารสุดโปรด ของคนไทย VS 10 อันดับ อาหารอันตรายที่หลายคนชอบกิน … แล้วคุณล่ะ ทานอะไร!!
เริ่มด้วย 10 อันดับ อาหารสุดโปรด ของคนไทย กันเลยค่ะ
อันดับที่ 10. ผัดไทย
ร้านอาหารตามสั่งหลายๆ ร้าน คุณแม่ครัวเธอก็มีวิชาทำอาหารเป็นเลิศ สั่งมาเถอะค่ะ…เจ๊ทำได้หมด อยากกินผัดไทยเจ๊ก็ทำได้ (แต่จะกินได้เปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง) หนุ่มสาวชาวเมืองหลายๆ คนก็จึงนิยมสั่งผัดไทยมากิน แม้จะรู้ว่ารสชาติอาจจะสู้ไปกินตามร้านที่ขายผัดไทยโดยเฉพาะไม่ได้ก็ตาม
อันดับที่ 9. ราดหน้า-ผัดซีอิ๊ว
ก็บอกแล้วว่าร้านอาหารตามสั่งน่ะ เจ๊ทำได้หมด ฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่เจ๊แกก็สามารถทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วให้ กินได้ เมนูนี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่เบื่อข้าวแล้วอยากเปลี่ยนรสชาติมากิน ก๋วยเตี๋ยวบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะนิยมสั่งกันนัก เพราะถึงแม้ว่าเจ๊แกจะทำได้ แต่เรื่องของความอร่อยก็คงต้องบอกเจ๊แกว่า “พอ…ล่าย”
อันดับที่ 8. สุกี้
อีกหนึ่งเมนูอาหารของคนเบื่อข้าว การสั่งสุกี้มากินก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ช้าก่อน “สุกี้” ในที่นี้ กรุณาอย่าวาดภาพเลิศหรูอลังการประหนึ่ง ”สุกี้เอ็มเค” แต่มันเป็นเพียงสุกี้ที่เอาวุ้นเส้นมาต้มในน้ำซุป แล้วใส่ใข่ ใส่ผัก ใส่เนื้อ ใส่หมู กุ้ง หอย ปู ปลา อะไรก็ว่าไป รสชาติก็พอทานได้ แต่จะอร่อยมากอร่อยน้อยตรงนี้อยู่ที่น้ำจิ้มสุกี้ต้องแซ่บ ราดโครมลง ไปในชามสุกี้เลย ถ้าถ้วยเดียวไม่แซ่บพอก็ขอเพิ่ม แต่บางคนอาจจะชอบแบบสุกี้แห้งก็มีเหมือนกัน อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกล่ะนะ
อันดับที่ 7. ผัดพริกสดราดข้าว
เมนูนี้บางร้านก็ใช้พริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่มาซอย บางร้านก็เป็นพริกหยวก แต่ไม่ว่าจะยังไงทั้งสองอย่างต้องเป็นพริกสดๆ ไม่ใช่พริกแห้ง ไม่งั้นผิดคอนเซปต์ จากนั้นก็เอาพริกสดมาผัดรวมกับหอมใหญ่ซอย และต้นหอม ใส่เนื้อ หมู ไก่ หรือกุ้ง ตามใจชอบ เป็นอีกเมนูที่หลายๆ คนชอบสั่ง
อันดับที่ 6. ผัดพริกแกงราดข้าว
เมนูสิ้นคิดอีกอันที่เป็นที่นิยมอย่างสูง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบกินอะไรเผ็ดๆ เป็นประจำอยู่แล้ว กินไปซู้ดปากไป แต่ก็มีหลายๆ คนที่ไม่ชอบกินเผ็ดมากนัก จึงเลี่ยงที่จะสั่งมารับประทาน เมนูนี้จึงได้รับความนิยมอยู่ในอันดับกลางๆ
อันดับที่ 5. ผัดผักราดข้าว
เมนูนี้มีตั้งแต่คะน้าหมูกรอบ กระเฉดหมูกรอบ ผักบุ้งหมูกรอบ บางคนไม่กินหมูก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไก่ได้ ผัดผักราดข้าว เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ เช่นกัน เพราะกินง่าย ถูกปาก ได้สารอาหารครบถ้วนทั้งเนื้อ ทั้งผัก ทั้งข้าว
อันดับที่ 4. ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย
อันนี้เป็นเมนูสิ้นคิดที่สาวๆ มักชอบสั่ง คิดว่าคงเป็นเพราะความอร่อยของเนื้อหมูที่เอามาทอดในซอสน้ำมันหอยคลุกกับ พริกไทย เสร็จแล้วเอามาโปะกับข้าวสวยร้อนๆ กินกับแตงกวา ถ้าอยากเพิ่มความพิเศษให้กับเมนูอาจจะสั่งไข่ดาวมาเพิ่มได้ ถ้ากินกลางวันก็อิ่มไปถึงเย็นเลย
อันดับที่ 3. ข้าวไข่เจียว
สิ้นคิดเข้าไปเรื่อยๆ กับเมนูนี้ นึกอะไรไม่ออกก็เอาล่ะ ข้าวไข่เจียวก็ได้ง่ายสุด ความเสี่ยงต่ำและประกันความไม่อร่อย เพราะถ้าร้านอาหารตามสั่งร้านไหนทำไข่เจียวไม่อร่อย ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว อย่างอื่นก็อย่าไปกินมันเลย เป็นเมนูเพลย์เซฟอย่างดีสำหรับคนเมือง แต่ก็สิ้นคิดจริงๆ
อันดับที่ 2. ข้าวผัด
ใครสั่งข้าวไข่เจียวว่าสิ้นคิดแล้ว แต่คนสั่งข้าวผัดกับสิ้นคิดกว่า เพราะมันเป็นอาหารสุดยอดแห่งความไม่ครีเอทเอาเสียเลย เอาข้าวมาผัดแล้วใส่ใข่ ใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ว่าไปใส่ผักเขียวๆ ลงไปหน่อย ผัดไปผัดมาสองสามทีก็เสร็จแล้ว แต่บางคนอาจจะชอบข้าวผัดเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าไปเจอร้านที่ผัดข้าวผัดได้อร่อยเหาะจริงๆ ข้าวผัดที่อร่อยต้องเป็นข้าวที่ผัดออกมาแล้วไม่แฉะ เม็ดข้าวขาวนวล ผัดร้อนๆ ยกเสิร์ฟบีบมะนาวใส่ แล้วราดด้วยพริกน้ำปลา...จบ
อันดับที่ 1. ข้าวกระเพราไก่+ไข่ดาว
งานนี้ได้อันดับหนึ่งมาอย่างเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นสมกับเป็นเมนู อาหารสิ้นคิดจริงๆ แล้วทำไมต้องเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว ??? อันนี้คาดว่าเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทยที่สุด ด้วยที่ว่ารสชาติออกแนว Hot & Spicy ถือเป็นเมนูพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารตามสั่งต้องมี และแม่ครัวจะฝีมือชั่วแค่ไหนก็ต้องทำได้อร่อย ส่วนใหญ่จะนิยมสั่งกระเพราไก่และบ่อยครั้งที่คนสั่งมักจะควบไข่ดาว เป็น ”กระเพราไก่ไข่ดาว” นัยว่าเป็นคำคล้องจองกันดี เช่น ”ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว จานนึง” อะไรประมาณนี้
อันดับที่ 10. โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว
การทอดโปเตโต้ชิพ จะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
อันดับที่ 9. โดนัท
โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
อันดับที่ 8. ไอศกรีม
มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น
อันดับที่ 7. ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก
ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆ การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ
อันดับที่ 6. น้ำอัดลม
สารตัวสำคัญที่มีอยู่คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
อันดับที่ 5. พิซซ่า
พิซซ่าในเชิงทางการค้า จะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุกรรม 5 ชนิด 1. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น 2. แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไป ใหม่ 3. ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เองในร่างกาย ของท่าน 4. แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม 5. มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้
อันดับที่ 4. โอริโอ้ คุกกี้
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเเลตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อกโกเแลตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น
อันดับที่ 3. เฟรนช์ฟราย
เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง” การทอดเฟรนช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
อันดับที่ 2. ฮอทด็อก
ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อ ส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆ ของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%
อันดับที่ 1. แฮมเบอร์เกอร์
แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และ นำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆ ของมัน เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ และเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ
ที่มา : komchadluek