กลุ่มแบ่งแยกดินแดนของฟิลิปปินส์ที่เป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มนี้คือ MILF (Moro Islamic Liberation Front) เป็นกลุ่มที่ต้องการเรียกร้องดินแดนเพิ่มขึ้นจาก 5 จังหวัดภาคใต้ คือ มากินดาเนา ลาเนา เดลซูร์ ปาลาวัน ตาวี-ตาวี ซูลู และเมืองมาราวี ซึ่งรัฐบาลของคอราซอน อาคีโน มารดาของประธานาธิบดีอาคีโนปัจจุบัน ได้ประกาศในรัฐธรรมนูญในมาตราที่ 10 ข้อที่ 19 ภายใต้การปกครองท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ว่าให้จังหวัดดังกล่าวเป็น ARMM (Autonomous Regions in Muslim Mindanao) โดยให้การบริหารงานทางด้านความมั่นคง การต่างประเทศอยู่ภายใต้รัฐบาล
และภายใต้เขต ARMM นี้เองที่ ประธานาธิบดีฟิเดล รามอส ได้ริเริ่มให้จัดตั้ง ในเขตอนุภูมิภาค BIMP โดยความร่วมมือของบรูไน อินโดนีเชีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ในเขตอนุภูมิภาคนี้บางช่วงก็ซบเซา ซึ่งขึ้นอยู่กับการก่อกวนของกลุ่ม MILF ในแต่ละช่วง มาในสมัยประธานาธิบดีอาร์โรโย ก็ได้มีการเจรจากันระหว่างหัวหน้ากลุ่ม MILF และรัฐบาล โดยทางฝ่ายกลุ่ม MILF เรียกร้องดินแดนมากกว่าเดิม
การเจรจาครั้งนั้นมีมาเลเซียซึ่งเป็นสมาชิกของ OIC เป็นตัวกลางการเจรจา แต่ยังไม่ทันที่จะสำเร็จ อาร์โรโยก็หมดวาระเสียก่อน มาในสมัยประธานาธิบดีอาคีโนในปัจจุบันก็ได้ทำการเจรจาต่อเนื่อง เพื่อที่จะแก้ปัญหาทางภาคใต้อย่างถาวร การเจรจาครั้งนี้มีขึ้นที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียและจะมีการลงนามข้อตกลงกันที่ทำเนียบมาลากันยัง กรุงมะนิลา ในวันที่ 15 ตุลาคม โดยมีผู้ร่วมลงนาม 3 ฝ่ายคือ นายกรัฐมนตรีนาจีป ของมาเลเซีย ซึ่งเป็นตัวกลางผู้เจรจา ฝ่ายรัฐบาล และประธานของ MILF ร่วมกับ พยานที่มาจากอังกฤษ ญี่ปุ่น ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย รวมทั้ง องค์การพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ เช่น Center for Humanitarian Dialogue, Asia Foundation และ Muhamadiyah ซึ่งนับว่าการเจรจาครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าการเจรจาทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจาก
1.รัฐบาลยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ไม่ใช่เป็นพวกเขา (มุสลิม) หรือพวกเรา (คาทอลิก) แต่เป็นเราร่วมกันภายใต้ธงชาติเดียวกัน
2.ส่งเสริมให้ประชาชนชาวมุสลิมสามารถเคลื่อนไหวไปมาอย่างเสรี สามารถเข้าศึกษาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่ง สามารถดำเนินธุรกิจ สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้จากใต้สู่มะนิลา สู่ทางเหนือโดยไม่มีการกีดกัน ซึ่งในขณะนี้มีนักศึกษาจากเขตมุสลิมมาศึกษา ฝึกอบรมที่ National College of Public Administration ที่ U.P. กว่า 100 คนแล้ว
3.สร้างชุมชนภาคใต้ให้มีชีวิตชีวาร่วมมือกันระหว่างคริสเตียนและมุสลิม โดยรัฐบาลได้ทุ่มเงินงบประมาณในปีนี้ไป 258.4 พันล้านเปโซ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน การสร้างที่อยู่อาศัย โดยกระทรวงการขนส่งและโยธาธิการและร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.สร้างจิตสำนึกของประชาชนโดยร่วมมือกันระหว่างประชาชนสองศาสนา องค์กรพัฒนาเอกชนและรัฐบาล (ซึ่งได้เคยทำมาแล้วในช่วง รัฐบาลรามอส) ให้เข้าใจซึ่งกันและกันตามแนวทางของ Peace Education
5.ที่สำคัญที่สุดรัฐบาลจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่ 10 ข้อที่ 19 จาก ARMM เป็น Bansarmoro Provinces แต่รัฐบาลยังคงดูแลเรื่องความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ การเงิน การคลัง พลเมือง และความเป็นกลาง
และที่สำคัญมากไปกว่านั้นเรื่องนี้ต้อง ผ่านการหยั่งเสียงประชามติของประชาชนในมินดาเนา ทั้งในเรื่องการพัฒนาและการขยายเขตออกไปจาก 5 จังหวัดที่มีอยู่แล้วและนำเข้ารัฐสภาเพื่ออภิปรายและอนุมัติ ที่สำคัญเสียงประชาชนเป็นเสียงที่รัฐบาลต้องยอมรับ แผนภาคใต้ในครั้งนี้จะสิ้นสุดภายในรัฐบาลอาคีโนคือ ปี 2016 ซึ่งโครงการต่างๆ ก็ได้มีการจัดลำดับความสำคัญและบรรจุอยู่ในกฤษฎีกาของรัฐบาลฟิลิปปินส์
นัยสำคัญของการตกลงร่วมกันครั้งนี้มาจากการจุดประกายของ ASEAN Community ที่ทุกประเทศจะต้องพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของแต่ละประเทศ และมาเลเซีย อินโดนีเซียซึ่งอยู่ในกลุ่ม BIMP ก็ได้รับประโยชน์จากการพัฒนานี้ด้วย โดยเฉพาะการค้าการลงทุน สินค้า Halal Food ต่างๆ จึงนับว่าเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลนี้และเป็นการสานต่อนโยบายของอดีตประธานาธิบดีคอราซอน อาคีโน รามอส และอาร์โรโย ด้วย จะเห็นว่าทุกกระทรวงของรัฐบาลต่างก็ร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุข้อตกลงและเกิดความสงบให้ได้ด้วยเงื่อนไขที่ว่า We united under a single flag
โมเดลของฟิลิปปินส์จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาแล้วประเทศไทยจะแก้ปัญหาภาคใต้ของเราอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าคิด