แม้ จะต้องเสี่ยงกับการติดคุก เข้าตะราง จนถึงอาจต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร แต่ความหอมหวนของกลิ่นเงินตราจำนวนมหาศาล ที่ได้จากการค้ายาเสพติด ก็ทำให้คนกลุ่มหนึ่งยอมจำนนต่อความโลภ



คนเหล่านั้นยอมทำทุก วิถีทาง เพื่อลักลอบขายยาเสพติด ด้วยหลายหลากวิธี ไม่เว้นแม้แต่การใช้ความเป็นอาสาสมัครกู้ภัยขององค์กรบังหน้าอย่างรายล่าสุด แต่สุดท้ายก็ไม่อาจตบตาเจ้าหน้าที่ โดนจับตายในที่สุด



เพราะเหิมเกริมชักปืนยิงต่อสู้ตำรวจ!!?



เหตุการณ์ วิสามัญฆาตกรรมนักค้ายาเสพติดรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อบช.ปส. นำโดย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช. พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ประสพชัย เศวตพรรณ ผกก.ปส.3 พ.ต.อ.สุรภัค รอดโพธิทอง ผกก.กอ.รมน. ข่าวกรองช่วยราชการ ปส.3



สืบทราบว่านายอัศวิน ภักดีเตล็บ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/8 ถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ลูกจ้างชั่วคราวขับรถ 6 ล้อ สำนักงานเขตยานนาวา มีพฤติกรรมเป็นเอเยนต์ยาเสพติดรายใหญ่



คนร้ายรายนี้มักอาศัยคราบอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยในการขนส่งยาเสพติด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่



นอก จากนั้นยังทราบว่านายอัศวินเตรียมส่งมอบยาเสพติดล็อตใหญ่ให้ลูกค้า โดยใช้ทางด่วนพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์ ถ.พระราม 2 จึงนำกำลังไปซุ่มอยู่บริเวณด่านเก็บเงิน



หลังซุ่มอยู่ ไม่นานตำรวจก็พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเลือดหมูคาดดำ ทะเบียน รท 2151 กรุงเทพมหานคร ติดสติ๊กเกอร์อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ทุ่งมหาเมฆ รหัสเมฆา 117 ตรงตามสายรายงาน จึงแสดงตัวเข้าจับกุม



เมื่อเอเยนต์ยานรกเห็นตำรวจ แทนที่จะยอมจำนนแต่โดยดี กลับรีบเร่งเครื่องซิ่งฝ่าด่านเก็บเงินไปทันที



ตำรวจ จึงช่วยกันใช้อาวุธปืนยิงไปที่ยางรถ เพื่อหยุดพาหนะของคนร้าย และคมกระสุนจากฝีมือตำรวจก็เข้าเป้าอย่างจับวาง เพราะยางล้อหน้าขวารถคนร้ายแตกระเบิดทันที



แต่นายอัศวินยัง ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ รีบกระทืบคันเร่งหนีการจับกุมอย่างไม่คิดชีวิต จนล้อแม็กซ์ที่ไร้ยางรถยนต์ห่อหุ้ม เสียดสีพื้นถนนจนเกิดประกายไฟแล็บเป็นทาง



ราวกับฉากไล่ล่าในหนังบู๊!!?



ตำรวจจึงต้องขับรถตามไปสกัด โดยที่คนร้ายจะขับรถตัดเข้าถนนกาญจนาภิเษก จากนั้นมุ่งหน้าขึ้นสะพานไปยังถนนกัลปพฤกษ์



ก่อนรถคนร้ายจะไปสิ้นฤทธิ์ที่หน้าหมู่บ้านเพิ่มทรัพย์ ใต้สะพานข้ามแยกบางพฤกษ์ฝั่งขาเข้า แขวงและเขตบางแค กรุงเทพฯ



แต่ เอเยนต์ยาอุบาทว์ยังดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการวิ่งหลบเข้าไปในหมู่บ้านดังกล่าว โดยยอมตัดใจทิ้งยาไอซ์หนัก 2 ก.ก. ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสีดำ ซึ่งวางไว้บริเวณเบาะด้านหลัง



เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังปิดล้อมทางเข้าออกหมู่บ้านไว้ทุกทิศทาง



ขณะ ที่ตำรวจกำลังบีบกระชับวงล้อม เพื่อควานหาตัวนายอัศวินก็เห็นรถแท็กซี่โตโยต้า สีเขียว ทะเบียน ทศ 5156 กทม. ของ บริษัทสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ จำกัด ขับสวนออกมา จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น



รถแท็กซี่คันดังกล่าวยังไม่ทันจอดสนิทดี ผู้โดยสาร ที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ ใช้อาวุธยิงใส่ตำรวจทันที จนต้องกระโดดหลบกันจ้าละหวั่น



ขณะเดียวกันนายนิติวิศย์ ทิพย์เจริญ 32 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ รีบเปิดประตูหนีลงจากรถทันที



เมื่อตำรวจตั้งตัวได้พากันใช้อาวุธปืนประจำกาย กระหน่ำยิงใส่คนร้ายอย่างไม่นับ จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ



หลัง ควันปืนเริ่มจางหาย ตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในรถ พบเอเยนต์ยานรกถูกคมกระสุนปืนทะลวงเข้าร่างจนพรุน ตายคาที่อยู่ที่เบาะหลังรถ หมดสิทธิ์ที่จะหากินกับยาอุบาทว์ ซึ่งทำลายชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วนได้อีก