เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในสังคมออนไลน์ ของประเทศกัมพูชา ได้มีการเผยแพร่ภาพบุคคลที่อ้างว่า เป็นน.ส.ฐาปนีย์ เอียดสีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 ของไทย ซึ่งยืนรายงานข่าวพระราชพิธีรับพระศพสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่หน้าพระราชวัง ณ กรุงพนมเปญ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยที่บริเวณเท้าของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว มีภาพคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์ของกัมพูชา พร้อมมีข้อความบรรยายเป็นภาษากัมพูชา ว่า ผู้สื่อข่าวของไทย กำลังเอารูปสมเด็จตา (ชาวกัมพูชาเรียกสมเด็จพระนโรดมสีหนุว่าสมเด็จตา) วางไว้ใต้ฝ่าเท้า ท่ามกลางชาวกัมพูชาและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการส่งต่อภาพดังกล่าวในสังคมออนไลน์ของกัมพูชาไปทั่วประเทศ ทำให้มีกระแสประณามการกระทำดังกล่าวของนักข่าวสาวไทยอย่างมาก พร้อมกันนี้ ชาวกัมพูชา ยังวอนให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการขับนักข่าวคนดังกล่าวออกนอกประเทศ พร้อมทั้งให้ขอโทษประชาชนชาวกัมพูชาทั้งประเทศ
ขณะที่บริเวณตลาดปอยเปต ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีชาวกัมพูชาจำนวนมากเข้าร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อเปิดดูรูปดังกล่าว และร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าวของนักข่าวสาวไทยคนดังกล่าวอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ข่าวดังกล่าวแพร่ออกไปจนทั่วตลาดปอยเปต และตลาดโรงเกลือ ทำให้พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ได้ส่ง จนท.ชุดสืบสวนและชุดปฏิบัติการข่าวออกตรวจสอบข้อเท็จจริง และปฏิกิริยาของชาวกัมพูชาทั้งในตลาดปอยเปต ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือบางส่วนที่ได้เห็นภาพ ต่างวิจารณ์ว่าเป็นความไม่เหมาะสม เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของอดีตกษัตริย์กัมพูชา เจ้าตัวต้องออกมาขอโทษชาวกัมพูชาทั้งประเทศ และทางการของประเทศไทยต้องดำเนินการให้เด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า นักข่าวสาวคนดังกล่าว คือ น.ส.ฐาปนีย์ เอียดศรีไชย และในเวลาประมาณ 15.30 น. น.ส.ฐาปนีย์ พร้อมกับทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางไปที่สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ย่านเหม่งจ๋าย พร้อมด้วยพานพุ่ม เพื่อกราบขอขมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า น.ส.ฐาปนีย์ ได้เดินทางไปยังสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อขอขมาเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว โดยชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาหมิ่น พระบรมเดชานุภาพของอดีตกษัตริย์กัมพูชาแต่อย่างใด เพียงแต่ภาพรายงานข่าวนั้นวางอยู่ข้างหน้า เพื่อให้หยิบมารายงานข่าวได้สะดวกเท่านั้น (ที่มา : มติชนออนไลน์)