"จุรินทร์”สั่งด่วนส่งแพทย์สอบเหตุหาม 83 นักเรียนวัดท่าพระส่งโรงพยาบาล หลังซื้อยาแก้ไอจากรุ่นพี่ป.6 กิน เกิดอาเจียนก่อนหมดสติ แฉรุ่นพี่ซื้อมาจากร้านเกมแล้วนำมาขายต่ออีกทอด อ้างสรรพคุณกินแล้วไม่กลัวใคร-ครูตีไม่เจ็บ เด็กเชื่อแห่ซื้อกินอื้อ ด้านหมอล้างท้องช่วยทัน 12 ราย ที่เหลือรอดูอาการ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ร.ต.ท.กฤต ตันธนสิริกุล พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ท่าพระ รับแจ้งมีเหตุเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดท่าพระ ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. มีอาการป่วยพร้อมกันกว่า 50 คน จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลตากสิน บางไผ่ และพญาไท 3 รุดไปตรวจสอบก็พบเด็กนักเรียนระดับชั้น ป.4-6 ของโรงเรียนดังกล่าว มีอาการหน้ามืด อาเจียน และหมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบแยกย้ายพานักเรียนไปส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ทันที
สอบถาม น.ส.เบญจมาศ รอดสุทธิ รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ รักษาการแทน ผอ.โรงเรียนวัดท่าพระ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียนว่า มีเด็กนักเรียนชั้น ป.6 นำยาซึ่งบางคนบอกว่าเป็นยาแก้ไอ บางคนก็บอกว่าเป็นวิตามินซี เข้ามาขายให้เด็กนักเรียนในโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้ประกาศเตือนนักเรียนไม่ให้กินในทันที พร้อมทั้งให้อาจารย์แยกย้ายกันไปตรวจสอบหายาดังกล่าว แต่หลังจากประกาศไปได้ไม่นาน ก็พบว่ามีนักเรียนป่วยหน้ามืด เป็นลม บางคนถึงกับอาเจียน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนำส่งโรงพยาบาล
น.ส.เบญจมาศ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ยาชนิดนี้มีเด็กนักเรียนชั้น ป.6 นำเข้ามาขายในโรงเรียน โดยอ้างว่าไปซื้อมาจากร้านเกมในราคาเม็ดละ 5-10 บาท เป็นยาที่กินแล้วจะมีความกล้า ร่าเริง ครูตีแล้วไม่เจ็บ ทำให้เกิดความนิยมในกลุ่มเด็กนักเรียน ทั้งนี้ เมื่อ 2 วันก่อนก็มีเด็กที่มีอาการป่วยแบบนี้แล้ว 1 ราย เมื่อสอบถามก็ทราบว่ากินยาแก้ไอเข้าไป โดยทางโรงเรียนก็พยายามรีบหาต้นตอที่มาของยาตัวนี้แล้วแต่ไม่พบ
ด้านนางกิติยา ศรีเลิศฟ้า ผอ.โรงพยาบาลตากสิน กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลรับเด็กนักเรียนที่มีอาการป่วยเข้ามารักษาตัวทั้งหมด 44 ราย โดยมีจำนวนมีอยู่ 12 ราย ที่ทางโรงพยาบาลต้องรีบล้างท้องช่วยเหลือทันที ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอดูอาการ สำหรับตัวยาที่เด็กกินเข้าไปนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นยา DEXTROMETHORPHAN เป็นยาแก้ไอมีผลต่อระบบประสาท ซึ่งมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะกินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่ปกติจะกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ด อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้จะขายในร้านขายยาเท่านั้น หากไม่มีใบอนุญาตก็ไม่สามารถขายได้ และหากร้านเกมนำไปขายอย่างที่เด็กนักเรียนบอกจริงก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ทั้งนี้ จากการสอบถามเด็กนักเรียนที่กินยาตัวนี้เข้าไปแล้วเกิดอาการป่วย บอกว่า ซื้อยามาจากเด็กนักเรียนชั้น ป.6 ที่ชื่อ "โมะ" ในราคาเม็ดละ 1 บาท เพื่อกินแก้ไอ ส่วนคนที่ไม่ได้มีอาการไอก็กินลองกินเข้าไปเพราะความอยากลอง เนื่องจากเชื่อว่ากินแล้วครูตีแล้วจะไม่เจ็บ
นายสานิตย์ แก้วละคน ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่มีอาการป่วย กล่าวว่า ทราบเรื่องยาตั้วนี้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว โดยลูกเป็นคนมาบอกว่า มีเพื่อนในโรงเรียนเอาวิตามินมาขาย สามารถแก้ไอได้ กินเข้าไปแล้วจะมีอาการคล้ายกับเมาอ่อนๆ ร่าเริง และเชื่อกันว่าครูตีจะไม่เจ็บ ตนก็ได้ห้ามลูกไม่ให้กินแล้ว พร้อมทั้งมาประสานให้โรงเรียนทราบในตอนเช้า แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่สำนักอนามัยของกทม.เดินทางมาขอนำตัวยาดังกล่าวไปตรวจสอบว่าเป็นยาอะไร ต่อมานางมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม.เดินทางเข้าเยี่ยมนักเรียนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตากสิน ก่อนเปิดเผยว่า สำหรับเด็กนักเรียนที่รักษาตัวอยู่ตามโรพยาบาลต่างๆนั้นมีทั้งหมด 83 คน แบ่งเป็นโรงพยาบาลตากสิน จำนวน 44 คน โรงพยาบาลพญาไท 3 จำนวน 33 คน และโรงพยาบาลบางไผ่อีก 3 คน
พญ.มาลินี กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมอาการเด็กว่า ขณะนี้เด็กส่วนหนึ่งแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ยังเหลือที่โรงพยาบาลตากสินจำนวน 16 คนและโรงพยาบาลพญาไท 3 จำนวน 1 ราย ซึ่งอาการหนักกว่ารายอื่นและต้องรอดูอาการ
ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเด็กบางรายมีการรับประทานยาดังกล่าวมาตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว จนกระทั่งครูมาพบอาการเหม่อลอย และมึน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงเรียกเด็กเข้ามาสอบถามจนกระทั่งได้ความว่า เด็กได้ซื้อยามาจากรุ่นพี่ที่มาอวดอ้างสรรพคุณว่าตัวยาดังกล่าวเป็นยาที่เจ้าของร้านเกมแห่งหนึ่ง บอกว่าเป็นยาที่มีสรรพคุณพิเศษ คือ ช่วยให้แข็งแรง ถูกทุบตีหรือทำร้ายร่างกายจะไม่รู้สึกเจ็บ ทำให้สมองดี ฉลาดและจะมีสรรพคุณในด้านความงามคือทำให้หน้าขาว จึงเป็นที่นิยมและเด็กจึงแอบซื้อขายกันในโรงเรียน ในตอนแรกนั้นนักเรียนจะรับประทานเข้าไปในปริมานน้อย แต่เมื่อลองให้เพื่อนทุบตีก็พบว่ามีความรู้สึกเจ็บจึงรับประทานเพิ่มเข้าไปจำนวนกว่า 10 เม็ด จนเกิดอาการมึนและเวียนศีรษะ
สำหรับตัวยาดังกล่าวนั้น เป็นเนื้อยาที่มีสรรพคุณเพื่อลดอาการไอ เมื่อรู้สึกไอจนเจ็บหน้าอกแล้ว ซึ่งจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดเท่านั้น หากรับประทานมากกว่านั้นจะทำให้มีอาการชีพจรเต้นเบา ความดันลดลงและอาจถึงขั้นช็อค ซึ่งเหมือนกับอาการที่เกิดขึ้นกับนักเรียนกลุ่มนี้ แต่ยาดังกล่าวนั้นเป็นยาที่สามารถซื้อขายได้ง่าย เพราะไม่ใช่ยาควบคุมพิเศษหรือยาเสพติด จึงทำให้คนทั่วไปหรือเด็กหาซื้อได้ง่าย
พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกันดูแลนั้น ตนได้ออกคำสั่งไปที่ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดท่าพระ ให้รายงานความคืบหน้าและข้อเท็จจริงแก่สำนักการศึกษาทราบอย่างละเอียด และออกคำสั่งไปยังสำนักการศึกษาทำหนังสือแจ้งข้อมูลดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษา ให้ดำเนินการเฝ้าระวังโรงเรียนในสังกัดกระทรวงฯ เพื่อป้องกันเหตุการณ์เกิดขึ้นกับนักเรียน และแจ้งให้ผอ.เขตทุกเขตประสานกับสถานีตำรวจในพื้นที่ในการช่วยดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นอีก
ด้านนพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผอ.โรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวว่า นักเรียนที่ทางโรงพยาบาลให้พักรักษาอยู่จำนวน 1 รายนั้นมีอาการไม่รุ่นแรงมากนัก มีเพียงอาการตากระตุกเท่านั้น ขณะนี้แพทย์รักษาโดยการให้น้ำเกลืออยู่ ส่วนที่ผู้ปกครองอาจจะมีความกังวลเรื่องค่ารักษานั้นขอแจ้งให้ทราบว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทางโรงพยาบาลรับผิดชอบทั้งหมด
อย.เตือนยาแก้ไอมีฤทธิกดประสาทกินมากอาจถึงตาย