เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7 พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมพนักงานสอบสวน เดินทางมารับตัวนายซาแว อายุ 26 ปี ชาวพม่า อดีตคนงานในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตแพทย์ ร.พ.ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า กำลังของพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 นำโดย พ.ต.อ.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ชวน ชิตประเสริฐ ผกก.3 บก.สส.ภ.7 และพ.ต.ท.สมบูรณ์ มั่นคง สว.สส.ภ.7 เดินทางไปรับตัวนายซาแวมาจากสถานที่แห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากนายซาแวถูกบุคคลไม่ทราบฝ่ายพาตัวไปหลบหลังมีการพบรถของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาชาวไร่สัปปะรด จังหวัดเพชรบุรีที่หายตัว หลังมีเรื่องกระทบกระทั่งกับพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์
พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เผยเบื้องต้นว่า กำลังของพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ชวน ชิตประเสริฐ ผกก.3 บก.สส.ภ.7 กับพวกเพิ่งไปรับตัวนายซาแว พยานปากนี้มาอยู่ในความคุ้มครองพยานเมื่อวาน (15 ต.ค.) และทางภ.จว.เพชรบุรีก็มารีบตัวไปสอบปากคำในฐานะพยาน ขณะนี้ยังไม่ได้สอบเพียงแต่พูดคุยกันนอกรอบเท่านั้น โดยนายซาแวบอกว่าทำงานอยู่กับหมอได้ประมาณปีครึ่งที่ผ่านมา ได้เงินส่งกลับบ้านรวมๆแล้วได้กว่า 2 หมื่นบาท รู้จักตัวหมอ รู้จักภรรยาหมอ รู้จักนายกะลา แต่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักนายอีต้า
พ.ต.อ.สมเดช กล่าวว่า หลังมีข่าวพบรถและมีหมอเข้าไปเกี่ยวข้อง นายซาแวก็ถูกพาไปอยู่ในที่แห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบกระทั่งตำรวจสืบสวนภาค 7 ตามพบตัว ซึ่งจากคำพูดของนายซาแวถือว่าข้อมูลที่นายซาแว รู้เห็นก็เป็นประโยชน์ในทางคดีได้มากซึ่งในรายละเอียดคงเปิดเผยไม่ได้
ขณะที่พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ ผบก.สส.ภ.7 เผยว่า กำลังของพ.ต.อ.กฤษณะ และพ.ต.อ.ชวน เพิ่งไปรับตัวพยานคนดังกล่าวมาเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จากจังหวัดประจวบฯ ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยได้ขณะนี้เนื่องจากพยานรายนี้อยู่ในความคุ้มครองฐานะพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถนำตัวพยานที่เคยเป็นคนงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตแพทย์ ร.พ.ตำรวจ มาสอบปากคำแล้วหลายปาก ซึ่งยังมีพยานที่ต้องตามมาสอบปากคำอีกประมาณ 3-4 ปากซึ่งส่วนหนึ่งพนักงานสอบสวน ต้องตามไปสอบยังชายแดนเพื่อนบ้านเนื่องจากพยานกลัวความไม่ปลอดภัย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้เดินทางไปยังศาล จ.เพชรบุรี เพื่อขอหมายต่อศาลเข้าตรวจค้นหาหลักฐานที่บ้านพักภายในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อีกครั้ง หลัง พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก ได้พบและทำการสอบสวนปากคำพยานชาวพม่าเพิ่มเติมมาได้อีกสองคน โดยหลังสอบสวนแล้วพบว่าพยานทั้งสองอยู่ในเหตุการณ์ แต่การขอหมายในช่วงเวลาดังกล่าวพบว่าทางศาลยังไม่อนุมัติหมายดังกล่าว
เบื้องต้นพ.ต.อ.พิชัย เปิดเผยว่า เนื่องจากทางศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลพอที่จะสมควรออกหมายให้ได้ ดังนั้นผมจึงให้ทางพนักงานสอบสวนไปทำเรื่องและเหตุผลใหม่ให้ทางศาลได้เห็นชัดว่าเป็นอย่างไรไปยื่นต่อศาลอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางพนักงานสอบได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาลแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังนำหมายค้นดังกล่าวเดินทางเข้าไปทำการตรวจค้นหาหลักฐานการหายตัวไปของนายสามารถ นุ้มจุ้ย และนางอรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา และหลักฐานการฆาตกรรมชาวพม่าอีกสามศพที่ขุดพบ อีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวงรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.พิชัย. ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก นำหมายค้นศาล จ.เพชรบุรี เลขที่735/2555 ลงวันทีี่16 ต.ค.55 เพื่อหาและตรวจยึดพยานหลักฐานเพิ่มเติม ที่บ้านเลขที่ 65หมู่2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์. เลาหะวัฒนะ อดีตแพทย์อายุรกรรม รพ.ตำรวจ โดยมี พ.ต.อ.อดิชัย. กัณหา หัวหน้ากลุ่มงานอาวุธปืน ศูนย์พิสูจณ์หลักฐาน 7 และพ.ต.อ.สมภพ. เฮงสมบูรณ์ กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญ รวม 8นาย และเจ้าหน้าที่พิสูจณ์หลักฐาน จ.เพชรบุรี
โดยการตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานอีกหลายรายการ อาทิ ลำกล้องไรเฟิล 1 ลำกล้อง ซองใส่กระสุนปืน M 16 จำนวน 2 ซอง กล่องกระสุนปืนขนาด 223 และขนาด 308 และปลอกกระสุนปืน M 16 จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบถุงใส่สายสิญจน์ ธูป เทียน อีกจำนวนหนึ่ง และภายในห้องโถงกลางพบเครื่องบรรจุอัดหัวกระสุนแบบเคลื่อนย้ายได้ 1 เครื่อง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานและยังมีสิ่งของที่เป็นวัตถุพยานอีกหลายรายการที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยอมเปิดเผย และกล่าวเพียงกว่าการเข้ามาตรวจค้นวันนี้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเท่านั้น ซึ่งเครื่องกระสุนปืนที่พบในบ้านหมอส่วนใหญ่เป็นเครืองกระสุนปืนที่ทำเอง โดยเจ้าหน้าที่จะได้นำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 7 ก็สามารถติดตามตัวพยานได้อีกหนึ่งรายเป็นชาวพม่าเช่นกัน คือตัวนายซาแว หรือ แง โดยติดตามตัวได้ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพบว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากพอสมควร นอกจากนี้ยังพบพยานอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทยและเคยทำงานอยู่ในบ้าน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เช่นกัน โดยขณะนี้พยานคนไทยดังกล่าวอยู่ในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าอยู่ที่ใด
จากนั้นเวลา 15.00 น.เศษ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี นำตัวนายซาแว หรือ นายแง พยานชาวพม่าอีกคนหนึ่ง จากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมนายกะลา มาชี้จุดประกอบการให้ปากคำ บริเวณในบ้านหมอสุพัฒน์ โดยตำรวจได้นำชี้ในหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับคดีในการให้ปากคำ
จุดแรกชี้บริเวณในห้องของตัวบ้าน บริเวณที่นายแงใช้หลับนอนช่วงที่ทำงานอยู่ในไร่หมอ ชี้บริเวณการนำรถจักรยานยนต์ขี่ออกไปจากตัวบ้าน สำหรับนายแงเป็นพยานชาวพม่าเพียงคนเดียว ที่ยังทำงานอยู่ในไร่หมอสุพัฒน์ จนกระทั่งเกิดเป็นข่าวพบรถยนต์ 2 สามีภรรยาที่หายไป ซึ่งทางตำรวจไม่เปิดเผยถึงรายละเอียด แต่แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ระบุว่า นายแง เป็นบุคคลที่หมอสุพัฒน์ส่ังให้ไปกระทำการบางอย่างกับนายกะลา หลังตำรวจพบรถยนต์ของ 2 สามีภรรยา เนื่องจากนายกะลา เป็นคนที่รู้เรื่องในไร่และการตายของ 2 สามีภรรยารวมทั้งแรงงานพม่า แต่นายแงได้โทรศัพท์ไปบอกให้นายกะลา รู้ตัวก่อนเนื่องจากนายกะลา เป็นผู้นำนายแงมาฝากหมอทำงานที่ไร่ แหล่งข่าวระบุว่า นายแง สารภาพอ้างว่า หมอสุพัฒน์ ได้เรียกตนไปแล้วหยิบปืนสั้นส่งให้ ช่วงที่นายแง เดินออกจากบ้านได้โทรศัพท์ไปบอกให้นายกะลา รู้ตัวและให้หลบหนีไปก่อน หลังจากนั้นนายแง ได้ขี่รถจักรยานยนต์พร้อมอาวุธปืนขี่ออกจากบ้านหมอมุ่งหน้าไปยังไร่วังข้าวสาร และเมื่อขี่รถจักรยานยนต์ไปได้ไม่นาน นายแวจึงจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้แล้วเดินกลับมาบอกหมอว่ารถจักรยานยนต์เสีย
พ.ต.อ. สุรศักดิ์ สุขแสวงรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี กล่าวว่าวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำนายซาแวหรือแงพยานรายนี้มาบันทึกภาพถ่าย ประกอบคำให้การของพยาเพื่อให้สอดคล้องกับคำให้การ
ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ตำรวจยังให้ข้อมูลไม่ได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งพยานรายนี้เกี่ยวพันกับหลายเรื่องของหมอสุพัฒน์แน่นอนแต่ขอเวลาให้ตำรวจ ทำงานอีกสักนิด
ด้านพ.ต.อ.พิชัย. ปกป้อง ผกก.ท่าไม้รวกกล่าวถึงการเดินทางไปสอบปากคำพยานเพิ่มเติมที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ว่าได้รับความร่วมมือจากอดีตคนงานของหมอสุพัฒน์ดีมากเพราะพยานเหล่านี้ต้อง ขี่รถจักรยานยนต์ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพื่อมาให้ข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งครั้งแรกพวกเขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือเนื่องจากเห็นว่าเป็นตำรวจเหมือน กันแต่เมื่อชี้แจงให้ฟังพวกเขาก็ส่งข่าวถึงกันและบอกว่าตำรวจให้ความ คุ้มครองปลอดภัยทุกคน อดีตคนงานเหล่านั้นก็ต่างเดินทางมาให้ปากคำกันทุกคน ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก